สถานการณ์ไฟป่าในประเทศออสเตรเลีย (บุชไฟรส์ : Bushfires) ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2563 ยังคงลุกลามกระจายตัวอยู่ในหลายพื้นที่และส่วนมากอยู่ในทางทิศตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย ขณะที่ในหลายพื้นที่ไฟป่าได้ดับมอดลงแล้วด้วยเช่นเดียวกัน...
.
รูปแผนที่อัพเดทสถานการณ์บุชไฟรส์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2563 จาก สำนักข่าวไอนิวส์ ประเทศอังกฤษ
.
อย่างที่ทราบกันดีตั้งแต่เกิดเหตุไฟป่าเมื่อเดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านมามีสัตว์ป่าท้องถิ่นของประเทศออสเตรเลียหลายชนิดได้รับผลกระทบและ “วอมแบต” ก็คือหนึ่งในนั้น
วอมแบต เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีกระเป๋าหน้าท้อง หน้าตาน่ารักแต่นิสัยดุร้าย ไม่เชื่อง รักสันโดษ เห็นตัวอ้วนแบบนี้วิ่งเร็วถึง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยนะ พวกเขามีช่วงขาที่สั้น บริเวณขาหน้ามีเล็บแหลมคมและข้อขาที่แข็งแรงใช้สำหรับขุดโพรงเพื่ออยู่อาศัย และโพรงของพวกเขานั้นมีทางยาวได้หลายเมตร ลึกได้มากถึง 4 เมตร มีหลายห้องและหลายทางเข้าออก อุณหภูมิภายในโพรงและบนผิวดินก็จะแตกต่างกันได้มากถึง 10 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว โดยในช่วงฤดูหนาว (2°C) ภายในโพรงจะอบอุ่นกว่าบนผิวดิน(14°C) และในฤดูร้อน(36°C)ภายในโพรงก็จะมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าบนผิวดิน(26°C) วอมแบตเมื่อโตเต็มวัยจะมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 1 เมตร น้ำหนักเกือบ 40 กิโลกรัม กินพืชเป็นอาหาร อุจจาระของพวกเขาก็ไม่เหมือนใครมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ดูแปลกตา...
.
.
แต่รู้หรือไม่ว่าวอมแบตบางส่วนสามารถเอาชีวิตรอดจากไฟป่าในครั้งนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก พวกเขามีบ้านที่ปลอดภัยและจะหลบซ่อนตัวอยู่ในนั้น ใช่แล้วครับ! บ้านของพวกเขาเป็นโพรงที่อยู่ในชั้นใต้ดินที่ซับซ้อนและลึกจนความร้อนจากไฟป่าที่กำลังลุกไหม้อย่างบ้าคลั่งไม่สามารถแผ่ความร้อนผ่านชั้นดินลงไปถึงชั้นหลบภัยของพวกเขาได้ เหล่าวอมแบตจะนอนรอเวลาอยู่ในโพรงที่เสมือนเซฟเฮ้าส์จนกว่าไฟป่าจะมอดลงพวกเขาจึงจะออกมาจากโพรงอีกครั้ง... ตามที่ได้กล่าวไว้เบื้องต้น บ้านของเหล่าวอมแบตทั้งลึกและมีความยาวมากจึงมีพื้นที่พอสำหรับครอบครัวของพวกเขาและเหลือพื้นที่ว่างอีกมากเช่นกัน....น่าทึ่งที่เหล่าวอมแบตมีน้ำใจแบ่งปันพื้นที่ในโพรงบ้านหลังใหญ่ที่ไม่ได้ใช้งานให้กับเหล่าสัตว์ชนิดอื่นๆ ได้เข้าไปหลบไฟป่าด้วย...
.
ข้อมูลดังกล่าวได้มาจากการสังเกตและติดตามบันทึกพฤติกรรมของเหล่าวอมแบตโดยนักนิเวศวิทยา ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ไฟป่าขึ้นหลายครั้งก่อนหน้านี้ พวกเขาพบว่าสัตว์ป่าตัวเล็กๆ หลายชนิดสามารถมีชีวิตรอดจากไฟป่าได้ด้วยการเข้าไปหลบในโพรงชั้นใต้ดินของวอมแบต และรออยู่ในนั้นจนกว่าไฟป่าจะมอดลง แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีบันทึกจากเหตุไฟป่าบุชไฟรส์ในครั้งนี้ว่า มีสัตว์ชนิดใดบ้างที่มีชีวิตรอดด้วยวิธีการเข้าไปหลบในโพรงของวอมแบต...
.
.
“แจ็คกี้ เฟรนช์” (Jackie French) ผู้อำนวยการมูลนิธิวอมแบต (The Wombat Foundation) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวแคนเบอร์ราไทมส์ว่า วอมแบตสร้างโพรงที่ซับซ้อน มักจะมีหลายห้องและหลายทางเข้าออก ที่สำคัญโพรงของวอมแพตนั้นมีขนาดใหญ่มาก บางส่วนของโพรงอาจจะยาวได้มากประมาณ 100 เมตรเลยทีเดียว ซึ่งโพรงดังกล่าวจะอยู่ลึกและระบายอากาศได้ดีทำให้มีอุณหภูมิต่ำกว่าบนผิวดินอยู่มากและอุณหภูมิก็ค่อนข้างมั่นคงเมื่อเทียบกับอุณหภูมิบนผิวดินด้วย ดังนั้นโพรงจึงช่วยปกป้องพวกเขาจากความร้อนของไฟป่าที่เกิดขึ้นได้
.
ภาพจำลองโพรงของวอมแบต
.
ขนาดปากทางเข้าโพรงของวอมแบตอาจใหญ่ได้มากจนมนุษย์อย่างเราๆ เข้าไปนั่งเล่นได้เลยล่ะ
ผู้หญิงในภาพคือ ดร.ลอเร็น ไวท์ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Australian Centre for Ancient DNA - ACAD ประเทศออสเตรเลีย เธอได้ลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูลประกอบวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก ในภาพ ดร.ลอเร็น กำลังวัดความกว้างของโพรงปริศนาพร้อมกับเก็บเส้นขนที่ติดอยู่บริเวณปากทางเข้าโพรงไปตรวจดีเอ็นเอที่สถาบันฯ เพื่อตามหาสัตว์เจ้าของโพรง ซึ่งเส้นขนดังกล่าวมีดีเอ็นเอตรงกับวอมแบต จึงสันนิษฐานว่าโพรงขนาดใหญ่ดังกล่าวน่าจะเป็นโพรงของวอมแบต
.
เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 ที่ผ่านมาองค์กร กรีนพีซ นิวซีแลนด์ (Greenpeace New Zealand) ได้โพสต์ข้อความบนอินสตาแกรมของหน่วยงาน โดยระบุว่า
.
“สัตว์ตัวเล็กๆ นับไม่ถ้วนสามารถรอดตายได้เพราะวอมแบต พวกเขาเลือกที่จะแบ่งปันโพรงขนาดใหญ่และซับซ้อนของพวกเขาให้กับเหล่าสัตว์ชนิดอื่นๆ , อย่างผิดปกติ"
.
นอกจากนั้นองค์กรกรีนพีซ นิวซีแลนด์ ได้กล่าวถึงข้อความที่สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวอมแบตที่ถูกแชร์บนโลกออนไลน์ด้วยว่า
.
"มีรายงานอีกว่าวอมแบตได้ 'ไล่ต้อน' ให้เหล่าสัตว์ชนิดอื่นให้เข้าไปหลบอยู่ในโพรงของเขาด้วย (เราเคยแบ่งปันเรื่องราวเหล่านั้นจากโซเชียลมีเดียของออสเตรเลียด้วย ซึ่งมันไม่จริงเลย ) ”
.
.
จากข้อความทั้งหมดบนโพสต์....องค์กรกรีนพีซ นิวซีแลนด์ ได้กล่าวว่าพฤติกรรมการอนุญาตเหล่าสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ ให้เข้ามาหลบภัยในโพรงได้นั่นเป็น "ความผิดปกติ" ด้วยเหตุผลว่าในสถานการณ์ตามปกติในชีวิตประจำวันของวอมแบตตัวอ้วนแล้ว พวกเขามักจะหวงบ้านและต้องการความเป็นส่วนตัวเช่นเดียวกับสัตว์ป่าอีกหลายชนิด แต่ด้วยเพราะไฟป่าที่รุนแรงและเลวร้ายซึ่งจัดว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เหล่าวอมแบตยอมอนุญาตให้เหล่าสัตว์นานาชนิดเข้าไปหลบไฟป่าในโพรงของพวกเขาได้
.
แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลที่บอกว่าวอมแบตออกมา "ไล่ต้อน" สัตว์อื่นให้เข้าไปหลบในบ้านของพวกเขานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง...
.
พฤติกรรมที่แสนดีของวอมแบตดังที่กล่าวมาได้ถูกเผยแพร่ไปบนโลกออนไลน์ ผู้ใช้งานหลายคนกล่าวว่านั่นคือการแสดงออกถึงความมีน้ำใจต่อเพื่อนสัตว์ด้วยกัน สร้างความรู้สึกประทับใจให้กับผู้คนเป็นวงกว้างและในเวลาต่อมาเหล่าวอมแบตก็ได้รับการยกย่องให้เป็น “ฮีโร่ที่แท้จริง”
.
“ไมเคิล คล๊าร์ค” (Michael Clarke) นักนิเวศวิทยาจากมหาวิทยาลัย La Trobe ใน Bundoora เมืองเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรียประเทศออสเตรเลีย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า
.
“สัตว์ที่อาศัยอยู่เหนือพื้นดินอย่างโคอาลานั้นมีความสามารถจำกัดในการหลบหนีจากไฟป่า หรือการมองหาพื้นที่ป่าที่ปลอดภัย ในช่วงไฟป่าที่ผ่านมาเราจึงได้เห็นพฤติกรรมที่สร้างสรรค์และน่าแปลกใจบางอย่าง เช่น ไลเออร์เบิร์ดและวอลลาบีจะลงไปซ่อนตัวในโพรงของวอมแบตเพื่อเอาชีวิตรอดจากไฟป่า แต่สัตว์ป่าอื่นๆ ส่วนใหญ่จะถูกเผาแม้แต่นกขนาดใหญ่ที่บินได้รวดเร็วอย่างเช่น เหยี่ยว หรือ นกคริมสัน รอสเอลลาส ก็ไม่สามารถรอดจากไฟป่าได้”
.
นอกจากนี้ สกอตต์ คาร์เวอร์ (Scott Carver) ศาสตราจารย์อาวุโสด้านนิเวศวิทยาสัตว์ป่าของมหาวิทยาลัยแทสเมเนีย บอกกับ สำนักข่าวแอสโซซิเอตเต็ทเพรส ในอีเมลว่า
“ วอมแบตอาจจะยอมให้สัตว์ชนิดอื่นๆ เข้ามาใช้โพรงของพวกเขาได้ ”
.
.
สกอตต์ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมด้วยว่า วอมแบตจะยอมให้สัตว์ชนิดอื่นเข้ามาอาศัยอยู่ภายในโพรงของพวกเขาได้ก็จริงอยู่ แต่พวกเขาไม่ได้มีพฤติกรรม "ไล่ต้อน" ให้ฝูงสัตว์อื่นเข้ามาอาศัยในโพรงของพวกเขาเมื่อเกิดไฟป่าอย่างที่หลายคนเข้าใจ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเป็นเพียงแค่การสันนิษฐานเท่านั้น
.
ในขณะที่ "จูลี่ โอลด์" (Julie Old) รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Western Sydney University บอกกับสำนักข่าว แอสโซซิเอตเต็ทเพรสว่า วอมแบตเป็นสัตว์นักขุดที่มีโพรงในชั้นใต้ดินอยู่เป็นจำนวนมากและเมื่อโพรงใดที่พวกเขาไม่ได้ใช้แล้ว ย่อมเป็นโอกาสดีที่สัตว์อื่นจะได้เข้าไปใช้ประโยชน์แทน...
.
“วอมแบต” เป็นเหมือน “วิศวกรนิเวศวิทยา” ตามธรรมชาติ พวกเขาเป็นสัตว์นักขุดดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดด้วย วอมแบตสร้างโพรงในชั้นใต้ดินขึ้นมาเป็นจำนวนมาก หลายโพรงไม่ได้ใช้งานก็กลายเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์อื่นๆ ไป
.
จูลี่กล่าวว่าตั้งแต่เธอได้มีโอกาสเข้ามาทำงานวิจัย เธอไม่เคยเห็นวอมแบตยอมให้สัตว์ตัวโตชนิดอื่น เข้ามาใช้โพรงร่วมกับพวกเขาเลยในขณะที่เขายังใช้โพรงนั้นอยู่ แต่ถ้าเป็นสัตว์เล็กๆ อย่างเช่นหนูพื้นเมือง หรือกิ้งก่าพวกเขากลับยอมให้เข้าไปใช้โพรงด้วยความเต็มใจ...แต่นั่นเป็นการใช้ชีวิตในสถานการณ์ตามปกติ จูลี่ยังบอกอีกว่าอาจจะมีความเป็นไปได้ที่วอมแบตอาจจะยอมให้สัตว์ใหญ่ชนิดอื่นเข้าไปใช้โพรงของพวกเขาขณะเกิดเหตุการณ์คับขันได้ เช่น ไฟป่า
.
ดังนั้นจากข้อมูลทั้งหมดที่ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการกล่าวมาทำให้สรุปได้ว่า “วอมแบต” ยอมแบ่งปันพื้นที่ว่างในโพรงของพวกเขาให้กับสัตว์ชนิดอื่นเข้ามาใช้ได้จริงในสถานการณ์ปกติ แต่เฉพาะสัตว์ที่มีขนาดเล็ก เช่น หนู หรือกิ้งก่าเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากเกิดเหตุไฟป่าก็มีความเป็นไปได้มากที่วอมแบตจะอนุญาตให้สัตว์ตัวโตเข้ามาหลบในโพรงของพวกเขาได้เช่นกัน...
.
แต่สำหรับการที่วอมแบตออกมา "ไล่ต้อน" สัตว์อื่นให้เข้าไปหลบในโพรงเมื่อมีไฟป่านั้นเป็นเพียงแค่การสันนิษฐาน และยังไม่มีใครออกมายืนยันชัดเจนว่าเป็นเรื่องจริง....
.
เห็นได้ชัดว่าวอมแบตได้กลายมาเป็นฮีโร่ตัวกลมที่ได้ช่วยชีวิตสัตว์จำนวนหนึ่งเอาไว้ให้รอดจากไฟป่าที่บ้าคลั่งด้วยน้ำใจของพวกเขาและโพรงดินบ้านหลังเก่าที่พวกเขาปล่อยล้างเอาไว้ อย่างน้อยๆ ไฟป่าที่เป็นเสมือนฝันร้ายของเหล่าสัตว์ป่าและผู้คนในประเทศออสเตรเลียได้ทิ้งเอาไว้นั่นก็คือ แรงกระเพื่อมที่จะทำให้ผู้คนเกิดการตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและสภาวะของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงกิจกรรมของมนุษย์ที่ยังคงคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ บนโลกน้อยเกินไป...
.
เรื่องราวของวอมแบตกำลังทำให้มนุษย์เราได้มองเห็นสังคมเล็กๆ ที่กำลังขับเคลื่อนระบบนิเวศในป่าว่าพวกเขากำลังแบ่งปันและช่วยเหลือกัน ทำให้ผู้คนได้มองเห็นชีวิตอีกมากมายที่ยังคงต้องดำรงต่อไปบนโลกใบเล็กๆ ร่วมกับมนุษย์เรา เชื่อว่าถ้าเหล่าวอมแบตและสัตว์ป่าลุกขึ้นมาแสดงความคิด ลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม ผืนป่าและโลกใบนี้เองได้พวกเขาก็คงจะไม่รีรอและลงมือทำไปแล้ว...
.
...แต่ทว่าความจริงพวกเขาทำไม่ได้ อย่างไรก็ตามเรื่องราวของพวกเขาคงจะกำลังสะกิดหัวใจมนุษย์สัตว์ประเสริฐผู้มากด้วยปัญญาและความสามารถทั้งหลายได้รู้ตัวและเร่งมือ หันกลับมาคิดทบทวนวิถีการใช้ชีวิตให้เกิดผลกระทบ หรือทำร้ายสิ่งแวดล้อมและโลกใบนี้ให้น้อยที่สุด หากเป็นไปได้จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบเลยก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี
.
ถึงเวลาแล้วนะครับ เริ่มจากการลดปริมาณการใช้ถุงพลาสสติก จัดการขยะอย่างมีระบบ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมนะครับ คนละเล็ก คนละน้อย หากจำเป็นจะต้องใช้ก็ใช้เท่าที่จำจริงๆ เชื่อว่ารวมๆ กันคงเป็นการช่วยเหลือโลกทางอ้อมให้เหล่าสัตว์เป็นสุขได้มากอีกทางหนึ่ง
.
ขอบคุณข้อมูลจาก AP, Unilad, iflscience
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.