“เซจ” (Sage) หรือ "ปู่เซจ" น้องหมาสายพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์อายุ 14 ปีเข้าสู่ช่วงวัยบั้นปลายชีวิตแล้ว ร่างกายที่เคยแข็งแรงก็เริ่มโรยราตามกาลเวลา วันนี้ปู่เซจมีโรคประจำตัวและต้องกลายมาเป็นน้องหมาพิการหูหนวกสูญเสียการได้ยินทั้งหมด ขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างก็เริ่มพร่ามัวลงทุกที แต่โชคดีปู่เซจมี “เจน อัลเบร็ชต์” (Jane Albrecht) ผู้ปกครองหรือคุณแม่คอยดูแลและรักเสมือนคนในครอบครัวไม่เคยคิดทอดทิ้ง แม้ปัญหาสุขภาพจากความชราจะทำให้การดูแลปู่เซจยุ่งยากขึ้นกว่าเดิมมากก็ตาม ปัจจุบันทั้งสองอาศัยอยู่ในบ้านส่วนตัวบนเกาะโลเปซ เกาะเล็ก ๆ ในรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา
.
ถึงแม้อายุที่มากจะทำให้ร่างกายของปู่เซจเริ่มเจ็บป่วยและเสื่อมสภาพลงไปบ้าง แต่ทว่าสภาพจิตใจของเขายังคงเป็นน้องหมาแสนดีที่ร่าเริงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เขายังคงรักอิสระต้องการได้ออกไปตระเวนเดินเล่นรอบ ๆ เขตชุมชนใกล้บ้าน เพื่อเข้าสังคมด้วยการแวะทักทาย เม้าท์มอยขิงข่าและโอบรับความรักจากเพื่อนบ้าน... ปู่เซจนิสัยดีขี้เล่น ช่างอ้อนและเป็นมิตรกับคนแปลกหน้าเสมอ นั่นจึงทำให้เขากลายเป็นที่รักและเป็นที่รู้จักของคนในชุมชน ปู่เซจมักจะได้เป็นแขกคนพิเศษไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ไหนก็มีแต่ผู้คนต้อนรับและรุมล้อม ยอมหยุดทักทายใช้เวลาเพียงครู่เพื่อได้ลูบหัวและเล่นกับเขาเสมอ แน่นอนสัมผัสและการทักทายทั้งหมดนั้นทำให้หัวใจปู่เซจชุ่มฉ่ำและเบิกบานมีความสุขที่สุดเลยล่ะ เมื่อรู้ว่าคนในชุมชนต่างรัก เอ็นดูและช่วยกันดูแลปู่เซจจึงทำให้เจนรู้สึกวางใจยอมอนุญาตปล่อยให้ปู่เซจออกไปเดินเล่นนอกบ้านตามลำพังได้บ้างเป็นบางครั้ง

.

เกาะโลเปซ
.
จนกระทั่งเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา เจนได้พบว่าปู่เซจได้หายตัวออกจากบ้านไปอย่างปริศนาและนานจนผิดปกติ ด้วยเป็นห่วงและกังวลใจเจนจึงเร่งออกตามหาปู่เซจไปตามจุดต่าง ๆ ที่คาดว่าเขาจะแวะไป แต่โชคร้ายเธอกลับไม่พบว่าเขาอยู่ที่นั่น เจนเริ่มกังวลใจหนักขึ้นและเริ่มหมดหวัง การตามหาปู่เซจไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเสียงไม่สามารถนำทางช่วยพาเขากลับบ้านได้เลย เขาอยู่ในโลกที่เงียบสงัดและทุกอย่างก็ดูพร่ามัวไปหมด เจนตัดสินใจโพสต์เรื่องราวการหายตัวไปอย่างปริศนาของปู่เซจลงในกลุ่มเฟซบุ๊กเกาะโลเปซ เผื่อว่าจะมีใครสักคนที่ได้เห็นเขาและช่วยแจ้งเบาะแสบางอย่างให้เธอทราบบ้าง
.
หลังจากที่โพสต์ประกาศดังกล่าวถูกเผยแพร่ เจนก็ต้องตกใจเมื่อได้รู้ว่าสมาชิกจำนวนมากในกลุ่มซึ่งเป็นเพื่อนบ้านและชาวเมืองทั้งที่เธอรู้จักและไม่รู้จักต่างให้ความสนใจปู่เซจเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก พวกเขาช่วยกดแชร์ประกาศดังกล่าวลงบนหน้ากระดานข่าวส่วนตัว ขณะที่อีกหลายคนเดินออกจากบ้านและบางคนขับรถยนต์ส่วนตัวเพื่อตระเวนหาปู่เซจไปรอบ ๆ เกาะ เพียงหวังว่าความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ จะช่วยให้ปู่เซจได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย หรือได้พบร่องรอยบางอย่างเพื่อส่งข่าวให้เจนทราบ
.
เจนยิ่งรู้สึกประทับใจมากเมื่อได้ทราบว่า นอกจากผู้ใหญ่หลายคนที่มีน้ำใจเข้ามาอาสาเพื่อช่วยเธอตามหาปู่เซจแล้ว ยังมีเด็กน้อยอายุ 6 ขวบที่อาสาออกไปเดินสำรวจอุโมงค์ใกล้ ๆ บ้านกับผู้ปกครอง โดยหวังว่าจะได้พบกับปู่เซจอยู่นั่น เพราะเขาคิดว่าน้องหมาที่ตื่นกลัวและสับสนน่าจะมองหาสถานที่เงียบสงบเพื่อหลบภัย
.
ถึงแม้ว่าชาวเมืองต่างให้ความช่วยเหลือระดมกำลังตระเวนตามหาหลายจุดที่พอจะเป็นไปได้บนเกาะแต่ทว่ากลับไม่มีใครได้พบปู่เซจเลย เจนต้องใช้ความอดทนเพื่อต่อสู่กับความกังวลใจและเป็นห่วงน้องหมาที่รักอย่างที่สุด เธอคิดมากจนสภาพจิตใจย่ำแย่ดิ่งลงหนัก เพราะรู้ดีว่าปู่เซจมีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจโต ถ้าโชคร้ายโรคกำเริบเขาก็มีโอกาสชักได้ และนั่นยิ่งทำให้โอกาสที่เขาจะรอดน้อยลงไปอีก...
.
แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นในช่วงมืดใกล้ฟ้าสางวันที่ 5 ของการค้นหา... ขณะที่ชาวเมืองกลุ่มหนึ่งได้อาสาออกไปพายเรือค้นหาปู่เซจในบริเวณแหลมไมอา พวกเขาก็ได้พบกับน้องหมาขนสีน้ำตาล ก่อนจะพายเรือเข้าไปดูใกล้ ๆ จนแน่ใจว่าน้องหมาตัวดังกล่าวคือ ปู่เซจ!!! น้องหมาแสนดีที่ทุกคนตามหาตลอดระยะเวลา 5 วันที่ผ่านมา ปู่เซจนอนอยู่บนโขดหินที่จวนจะถูกน้ำท่วม ทันทีทีปู่เซจมองเห็นชาวเมืองก็แสดงอาการดีใจสุด ๆ ส่ายหางจนตัวบิดไปมาไม่หยุดและพยายามจะเดินเข้าไปหา
.
กลุ่มชาวเมืองผู้อาสาร่วมกันตั้งข้อสันนิษฐานว่า ปู่เซจน่าจะพลัดตกตากเนินโขดหินก่อนจะเข้าไปติดอยู่ในร่องหินอีกที ซึ่งจุดนั้นยากเกินกว่าน้องหมาแก่อย่างปู่เซจจะช่วยเหลือตัวเองปีนกลับขึ้นไปได้ ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้นั่นคืออดทนรอคอยความช่วยเหลือ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงได้หายตัวไปไม่ได้กลับบ้านนานหลายวัน

บ้านของเซจ(ขวา) และจุดที่เจอตัวเซจ(ซ้าย)
.
กลุ่มชาวเมืองผู้อาสารีบแจ้งข่าวดีให้เจนทราบ แน่นอนเจนดีใจสุด ๆ ก่อนจะเร่งขอความช่วยเหลือหน่วยกู้ภัยเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยพาปู่เซจออกมาจากโขดหินที่ติดอยู่

.

.
หลังจากใช้ความพยายามอยู่นาน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงสามารถช่วยปู่เซจกลับออกมาได้ เขาถูกส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสัตว์บนเกาะทันที โชคดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอื่นใดแต่ทว่าร่างกายของเขาอ่อนเพลียมาก เนื่องจากขาดน้ำและอาหารมานานหลายวัน สัตวแพทย์ให้น้ำเกลือกับปู่เซจและปล่อยให้เขานอนพักเพื่อดูอาการที่โรงพยาบาลสัตว์นานหลายชั่วโมง เมื่อเห็นว่าอาการไม่น่าเป็นห่วงแล้วจึงอนุญาตให้เจนพากลับไปดูแลต่อที่บ้าน

.

.
เจนรู้สึกตื้นตัน ซาบซึ้งใจและขอบคุณชาวเมืองบนเกาะอย่างที่สุด สำหรับน้ำใจและความร่วมมือที่ทุ่มเทเพื่อจะพาปู่เซจกลับบ้าน เหตุการณ์โชคร้ายในครั้งนี้ทำให้เจนได้รับรู้ว่าปู่เซจมีผู้คนเป็นห่วงและรักเขามากเกินกว่าที่คิดเอาไว้มาก เป็นเพราะทุกคนปู่เซจจึงปลอดภัยและได้กลับบ้านคืนสู่อ้อมกอดที่อบอุ่นของเธอได้อีกครั้ง เจนสัญญาว่าหลังจากนี้จะไม่ปล่อยให้ปู่เซจออกไปเดินเล่นตามลำพังอีกแล้ว

.

.

.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.