เป็นเวลานานหลายปีแล้วที่ “เด็บบรา เซียร์เวลด์ (Debra Suierveld)” ชาวเมืองวอชิงตัน ทาวน์ชิพ ในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำใจยอมรับแล้วว่า “แอ็บบี้ (Abby)” น้องหมาสายพันธุ์ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ผสมขนสีดำสุดรักคงจะจากโลกนี้แล้ว หลังจากที่ช่วงบ่ายของวันหนึ่งในปี พ.ศ. 2551 ระหว่างที่แอ็บบี้กำลังออกไปวิ่งเล่นกับลูกๆ ของเธอนอกบ้าน จู่ๆ แอ็บบี้ก็เกิดตกใจวิ่งหนีเตลิดหายไป จากนั้นเธอก็ไม่เคยกลับมาที่บ้านอีกเลย
.
เด็บบราและครอบครัวไม่ได้นิ่งเฉย ติดประกาศและออกตามหาไปทั่วละแวกบ้านแต่สุดท้ายแล้วก็ไร้วี่แวว หลายปีผ่านไปจู่ๆ ในเดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา เด็บบราก็ได้รับโทรศัพท์จากองค์กรพิทักษ์สัตว์อัลลีเกนีวัลเลย์ว่า พวกเขาได้พบกับน้องหมาตัวหนึ่งซึ่งมีลักษณะรูปร่างและชื่อที่เหมือนกับน้องหมาของเธอที่หายตัวไป

.

เด็บบราเกิดความงุนงงในตอนแรกหลังจากที่ได้ทราบข่าว เพราะน้องหมาทั้งสอง 2 ตัวของเธอก็ยังอยู่ในบ้านเรียบร้อยดี และน้องหมาลาบราดอร์ผสมขนสีดำตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งก็ยืนอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้หายไปไหนด้วย ดังนั้นเธอจึงปฎิเสธและคาดว่าเรื่องทั้งหมดนี้น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด จนกระทั่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่า น้องหมาที่อยู่กับพวกเขานั้นมีชื่อว่า " แอ็บบี้!! "

. 

หลังจากที่ได้ยินชื่อที่คุ้นเคย... เด็บบราถึงกับช็อกและเซอร์ไพรส์สุดๆ เมื่อน้องหมาแสนรักที่คิดว่าตายไปแล้วมาตลอดกว่า 10 ปี จู่ๆ ก็ปรากฎตัวขึ้นอย่างปาฎิหาริย์ เจ้าหน้าที่ได้อธิบายให้เด็บบราฟังว่า เมื่อไม่นานมานี้แอ็บบี้ได้ไปปรากฏตัวที่เฉลียงหน้าบ้านของ "จูดี้ สปีริ่ง"(Judy Spering) พลเมืองดีซึ่งตั้งอยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากบ้านเด็บบราไปราว 16 กิโลเมตร น้องหมาแปลกหน้าดูเป็นมิตรมากและไม่ได้ตกอยู่ในสภาพที่อดอยากน่าเวทนาแต่อย่างใด แต่ทว่าในตอนนั้นเธอกำลังกระหายน้ำมาก หลังจากที่จูดี้เจ้าของบ้านใจดีได้หาน้ำให้เธอกินแล้ว... ก็ได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและพวกเขาก็ได้ประสานต่อมาที่องค์กรพิทักษ์สัตว์ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเหลือน้องหมาตัวดังกล่าวซึ่งคาดว่าน่าจะหลงทาง...

.

หลังจากที่เจ้าหน้าที่องค์กรพิทักษ์สัตว์ได้ตรวจร่างกายน้องหมาแล้วก็ได้พบกับไมโครชิพ ซึ่งจากข้อมูลทำให้พวกเขาทราบว่าน้องหมามีชื่อว่าแอ็บบี้ พร้อมกับข้อมูลชื่อสัตวแพทย์ผู้ติดตั้งไมโครชิพ เบอร์ติดต่อกลับถึงผู้ปกครองของเธอนั่นก็คือเด็บบรา ส่วนสุขภาพร่างกายของแอ็บบี้นั้นก็พบว่าไม่น่าเป็นห่วงเลย เธอมีสุขภาพที่แข็งแรงดีตามอายุที่มากขึ้น เห็นได้ชัดว่าตลอดระยะเวลา 10 ปีที่แอ็บบี้ได้หายตัวออกจากบ้านไป เธอได้รับการดูแลที่ดีจากใครบางคน

.

หลังจากที่ได้ข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของเด็บบรา เจ้าหน้าที่ก็ได้ติดต่อไปหาเธอ แต่ทว่าน่าเศร้าที่พวกเขาไม่สามารถติดต่อได้เลย  เจ้าหน้าที่จึงติดต่อไปสอบถามข้อมูลกับสัตวแพทย์ผู้ติดตั้งไมโครชิพให้กับแอ็บบี้แทน ซึ่งในตอนนั้นทางสัตวแพทย์ก็ค่อนข้างรู้สึกตกใจเพราะน้องหมาที่พวกเขากำลังตามหาผู้ปกครองให้...มีชื่ออยู่ในบัญชีของน้องหมาที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็สามารถติดต่อเด็บบราผู้ปกครองของแอ็บบี้ได้ในที่สุด

.

ถึงแม้ว่าจะหายตัวไปนับสิบปีแล้ว แต่ทว่าเมื่อแอ็บบี้ได้พบหน้าเด็บบราเป็นครั้งแรก เธอก็ยังคงสามารถจดจำคุณแม่และชื่อเดิมของเธอได้ดี อีกทั้งยังเข้าใจทริคลับๆ ที่ทั้งสองสื่อสารระหว่างกันได้ด้วย... เด็บบรากำลังรู้สึกดีมากๆ ราวกับว่ากำลังได้รับปาฎิหาริย์ เธอและครอบครัวเข้าใจมาตลอด 10 ปีว่า แอ็บบี้ตายไปแล้วจริงๆ พวกเขากลับไปที่บ้านหลังจากที่ใช้เวลาตามหามายาวนานพร้อมกับจัดพิธีไว้อาลัยให้กับเธอด้วย...
.
เด็บบราติดต่อไปหาลูกสาววัย 22 ปีของเธอเพื่อแจ้งข่าวดีนี้ให้เธอทราบ แน่นอนลูกสาวของเธอดีใจมากจนร้องไห้โฮออกมาไม่หยุด ความทรงจำที่มีค่าในวัยเด็กของเธอยังคงมีชีวิตอยู่และย้อนกลับมาหาเธออีกครั้ง มันเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดสำหรับเธอ

.

.

เกร็ดความรู้เก็บมาฝาก 

ในเขตกรุงเทพมหานครมีการเริ่มฝัง “ไมโครชิพ” แล้ว ซึ่งไมโครชิพที่ว่าจะมีขนาดเป็นแท่งยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ใช้ฝังเข้าไปบริเวณใต้คอของน้องหมาที่มีเจ้าของ เพื่อติดตามน้องหมาในยามพลัดหลงหรือถูกทิ้ง โดยไมโครชิพชิ้นเล็กๆ นี้ กรุงเทพมหานครนำมาใช้ติดตามน้องหมากว่า 10 ปีแล้ว มีน้องหมาที่รับการฝังไมโครชิฟฟรีไปแล้วกว่า 100,000 ตัว

.

กลไกการทำงานของไมโครชิพที่ว่านี้จะแสดงผลผ่านเครื่องสแกน อ่านข้อมูลได้ตัวเลข 15 หลัก จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำตัวเลขมาค้นหาประวัติน้องหมา หากเป็นน้องหมาบ้านจะมีข้อมูลบันทึกเอาไว้โดยสำนักงานสัตวแพทย์ สาธารณสุขกรุงเทพมหานคร เพื่อตามหาเจ้าของน้องหมา

.

ทางกรุงเทพมหานครแจ้งว่า ด้วยประสิทธิภาพของไมโครชิพที่บอกข้อมูลเจ้าของอย่างละเอียด และถูกฝังติดตัวน้องหมาไปตลอดชีวิต ทำให้ระยะหลังๆ ผู้ปกครองน้องหมาเริ่มไม่พาน้องหมามาไปฝังไมโครชิพกันแล้ว เพราะกลัวว่าหากวันข้างหน้าเลี้ยงไม่ไหวจะไม่สามารถทอดทิ้งน้องหมาได้ แต่บางส่วนก็ห่วงว่าน้องหมาตัวโปรดจะเจ็บปวดทรมาน

.

.

 

.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip 
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com

“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”

.

.