“ไมเคิล วาร์กัส” (Michael Vargas) ชายผู้รักการผจญภัย มีงานอดิเรกเป็นการเดินสำรวจไปตามสถานที่ใหม่ ๆ ภายในเมืองไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่ถูกปล่อยให้รกร้างหรือสถานที่ที่ผู้คนมองข้าม ซึ่งล่าสุด! กิจกรรมดังกล่าวก็ได้นำพาให้เขาไปพบกับใครบางคนที่กำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่และทำให้เขามีโอกาสได้แสดงความมีมนุษยธรรมโดยการมอบชีวิตใหม่ให้กับใครคนนั้นด้วย
.
เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา ขณะที่ไมเคิล แฟนสาวและเพื่อนของเขากำลังเดินสำรวจอยู่ที่บริเวณคลองระบายน้ำใกล้บ้านในเมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ ไมเคิลก็ได้พบกับกราฟิตี้ที่น่าสนใจจำนวนมากที่ทอดยาวไปตามผนังสองข้างคลองระบายน้ำ ไมเคิลรู้สึกตื่นเต้นมากกับภาพกราฟิตี้ตรงหน้าจึงตัดสินใจแวะเข้าไปชื่นชมใกล้ ๆ ก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาบันทึกภาพเอาไว้ ซึ่งในตอนนั้นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความบังเอิญที่นำพาไมเคิลไปช่วยหนึ่งชีวิตที่กำลังลำบากและตั้งตารอคอยความช่วยเหลือจากใครสักคนมานานจนแทบจะสิ้นหวังเสียแล้ว
.

.
“เราเพิ่งจะเดินสำรวจคลองระบายน้ำได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น แฟนของผมก็พูดขึ้นมาว่า ‘โอ้พระเจ้า! นั่นน้องหมานี่’ ผมรีบตอบกลับเธอไปว่า ‘น้องหมาในท่อเนี่ยนะ? ’ ผมตกใจมากแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในท่อระบายน้ำเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่อกับคลองระบายน้ำด้านล่างนี้ จะมีน้องหมาขนสีขาวตัวเล็กติดอยู่ในนั้น”
ไมเคิลกล่าว
.

.
ทันทีที่ไมเคิลได้เห็นน้องหมาตัวน้อย เขาก็ไม่อาจจะทำเมินเฉยและรับรู้ได้ทันทีว่าต้องเข้าไปช่วย! น้องหมาเนื้อตัวมอมแมมดูอิดโรยมากแต่ทว่าในแววตาของเขากลับเปล่งประกายดูมีความหวังมาก เป็นไปได้มากว่าน้องหมาตัวน้อยน่าจะติดอยู่ในนั้นมานานหลายวันแล้ว หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากไมเคิลในวันนั้นน้องหมาอาจจะต้องจบชีวิตลงในท่อระบายน้ำที่ทั้งแคบ สกปรกและไม่มีใครใส่ใจไยดีอย่างโดดเดี่ยวแน่ ๆ
.

.
“ผมหัวใจสลายเมื่อเห็นสภาพน้องหมา ผมไม่อาจจะเมินเฉยทิ้งเขาไว้ให้อยู่ที่นั่นลำพังได้ ถ้าเราทำแบบนั้นน้องหมาคงจะไม่มีทางรอดแน่ ๆ อีกไม่นานเขาคงจะต้องอดหรือไม่ก็ป่วยตาย”
ไมเคิลกล่าว
.
ไมเคิลและเพื่อน ๆ พยายามหาทางช่วยน้องหมาออกมาจากท่อระบายน้ำ ทั้งเรียกและหลอกล่อด้วยสารพัดวิธี แต่ทว่านั่นกลับทำให้น้องหมารู้สึกกลัวจนไม่ยอมไว้ใจ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยืนยันที่จะช่วยไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจง่าย ๆ เวลาผ่านไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมงในท้ายที่สุดพวกเขาก็สามารถช่วยพาน้องหมาออกมาจากท่อระบายน้ำได้สำเร็จ
.

.
“น้องหมากลัวพวกเรามากเลย ผมคิดว่าเขากำลังสับสนและอ่อนแอมาก”
ไมเคิลกล่าว
.

.
ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมน้องหมาที่น่าสงสารตัวดังกล่าวถึงเข้าไปติดอยู่ในท่อระบายน้ำแคบ ๆ แบบนั้นได้ ไมเคิลเชื่อว่าเขาน่าจะติดอยู่ที่นั่นนานหลายวันและหากน้องหมาไม่ได้รับความช่วยเหลือก็คงจะไม่รอดแน่ ๆ เพราะไม่มีทางออกอื่นที่น้องหมาจะสามารถช่วยตัวเองให้รอดได้เลย
.

.
ไมเคิลและเพื่อน ๆ ไม่เพียงแค่ช่วยน้องหมาตัวน้อยให้รอดจากความตาย แต่พวกเขายังมอบโอกาสครั้งที่สองเพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ยอดเยี่ยมให้กับน้องหมาด้วย!
.

.
“หลังจากที่ได้ตัวเขา พวกเราก็รีบพาไปพบสัตวแพทย์ที่คลินิกสัตว์ที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที”
ไมเคิลกล่าว
.
สัตวแพทย์ได้ตรวจร่างกายให้กับน้องหมาตัวน้อย ก่อนแจ้งให้ไมเคิลและเพื่อน ๆ ของเขาทราบว่า น้องหมามีปัญหาสุขภาพหลายอย่างที่ต้องได้รับการรักษา ซึ่งบางโรคอาจจะต้องใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายมากพอสมควร ซึ่งเมื่อได้ยินแบบนั้นแล้วกลับไม่ได้ทำให้ไมเคิลปฎิเสธที่จะช่วยเหลือ เขาตอบตกลงยืนยันให้สัตวแพทย์ทำการรักษาน้องหมาต่อจนกว่าจะหายดีและยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วย
.

.
“หลังจากที่ตรวจร่างกายน้องหมาอย่างละเอียดแล้วสัตวแพทย์ก็ได้สันนิษฐานว่า มีความเป็นไปได้มากที่น้องหมาจะถูกทารุณกรรมก่อนถูกนำมาทิ้ง สัตวแพทย์พยายามที่จะสแกนหาไมโครชิปบนตัวน้องหมาแต่น่าเศร้าที่ไม่พบ หลังจากนั้นพวกเราได้พยายามเดินสอบถามผู้คนที่อยู่ในละแวกที่พบน้องหมาว่ามีใครพอจะรู้จักหรือคุ้นหน้าน้องหมาบ้างมั้ย แต่คำตอบก็ทำให้พวกเรารู้สึกผิดหวังเพราะไม่มีใครคุ้นหรือพอจะให้ข้อมูลอื่น ๆ ได้เลย”
ไมเคิลกล่าว
.
สถานการณ์ในตอนนั้นดูเหมือนว่าไม่มีใครจะพยายามตามหาน้องหมาที่น่าสงสารตัวนี้เลย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ไมเคิลรู้สึกเป็นห่วงและสงสารเห็นใจน้องหมาเป็นที่สุด จนไม่อาจจะละปล่อยมือจากน้องหมาตัวน้อยให้เผชิญกับชะตากรรมที่ไม่อาจจะคาดเดาได้หลังจากนี้ ไมเคิลปรารถนาให้น้องหมาที่น่าสงสารได้พบกับชีวิตใหม่อย่างที่สมควรได้รับ ดังนั้นไมเคิลจึงเลือกที่จะเป็นผู้สร้างโชคชะตาที่ยอดเยี่ยม ด้วยการรับอุปการะน้องหมาตัวน้อยเข้าไปเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวเสียเอง พร้อมกับตั้งชื่อใหม่ให้ว่า “รัสตี้” (Rusty) เพื่อเริ่มต้นชีวิตที่ยอดเยี่ยมหลังจากนี้
.

.
หลังจากที่รัสตี้ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของไมเคิล เขาก็ค่อย ๆ ปรับตัวจนสามารถเปิดใจยอมรับและมีความสุขกับบ้านหลังใหม่ได้อย่างที่ไมเคิลคาดหวัง รัสตี้เริ่มเผยตัวตนที่เต็มไปด้วยความน่ารักสดใส แววตาเศร้าและท่าทีประหม่าเมื่อต้องพบเจอกับคนแปลกหน้าก็ลดน้อยลงมาก ความใจดีของไมเคิลช่วยทำให้รัสตี้มองโลกใบเดิมที่เคยไม่น่าอยู่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและกลายเป็นน้องหมาที่ร่าเริงและรักการผจญภัยมาก ๆ ซึ่งนั่นเป็นความชอบที่เข้ากับไมเคิลได้อย่างพอดิบพอดี
.
“หลังจากที่ทุกอย่างจบลง เราตัดสินใจที่จะรับเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เพราะเรารู้สึกผูกพันกับเขาไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าในอดีตเขาต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้างนะ แต่หลังจากนี้ต่อไปผมจะทำให้ชีวิตของเขาได้พบเจอแต่เรื่องราวดี ๆ ชีวิตของเขาจะต้องดีขึ้น, ผมออกผจญภัยแบบนี้มานานกว่า 12 ปีแล้วและหลังจากนี้การผจญภัยของผมจะสนุกและมีสีสันมากกว่าเดิมแน่ ๆ เพราะมีน้องหมาอย่างรัสตี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยด้วย”
ไมเคิลกล่าว
.
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.