เมื่อพูดถึงน้องหมา “ฮาชิโกะ” หรือ “ฮาชิ” คนรักสัตว์หลายคนคงจะรู้จักเขาเป็นอย่างดี และแน่นอนว่าพวกเขาล้วนแล้วต้องเคยเสียน้ำตาให้กับเรื่องราวความรักและภักดีที่ฮาชิมอบให้นายรักด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์จวบจนลมหายใจสุดท้ายของเขากันมาบ้างแล้ว... สิ่งที่ฮาชิทำเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คนในชุมชนสม่ำเสมอเรื่อยมายาวนานหลายปี เรื่องราวของเขาทรงพลังทำให้ผู้คนในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลกหันกลับมาทำความเข้าใจ ตระหนักถึงความรู้สึกและหัวใจของสัตว์เลี้ยงสี่ขาเช่นน้องหมามากขึ้นด้วย ...ผู้คนชื่นชมและยกย่องฮาชิพร้อมกับสร้างอนุสาวรีย์เพื่อเป็นเกียรติเปรียบเขาเป็นสัญลักษณ์แห่งความภักดีและความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุดก่อนที่เขาจะจากไปด้วย ล่าสุด! พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติญี่ปุ่นได้เผยแพร่ภาพหายากช่วงชีวิตสำคัญของฮาชิให้ผู้คนทั่วโลกได้ชื่นชมด้วย...
.
ฮาชิ เป็นน้องหมาสายพันธุ์อาคิตะ อินุ สีน้ำตาล ทองบริสุทธิ์ เขาเกิดในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงปี พ.ศ. 2466 ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในเมืองโอดะเตะ จังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น หนึ่งปีหลังจากนั้นฮาชิก็ได้รับการอุปการะจาก "ศาสตราจารย์ฮิเดะซะบุโระ อูเอโนะ" อาจารย์ประจำวิชาเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวในบ้านของท่านที่เขตชิบูย่า กรุงโตเกียว

ฮาชิขณะยังมีชีวิตอยู่
.

ศาสตราจารย์ฮิเดะซะบุโระ อูเอโนะ นายรักของฮาชิ
.
ในตอนเช้าของทุกๆ วัน ศาสตราจารย์ฮิเดะซะบุโระจะต้องนั่งรถไฟจากสถานีชิบูย่าไปทำงานที่มหาวิทยาลัย และทุกเช้าหน้าที่ของฮาชิคือการเดินมาส่งนายรักของเขาที่สถานีรถไฟชิบูย่า เขาทำหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจและยินดีที่จะได้ทำมาตลอด จากนั้นฮาชิก็จะนั่งรออยู่ที่บริเวณสถานีรถไฟจนกว่าศาสตราจารย์จะกลับมาจากที่ทำงานในตอนเย็นแล้วทั้งคู่ก็จะเดินกลับบ้านพร้อมๆ กัน ฮาชิทำแบบนี้อยู่นานหลายปีจนกระทั่งวันแห่งความโชคร้ายก็มาถึง...
.
ในวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2468 ฮาชิเดินออกจากบ้านไปพร้อมๆ กับนายรักเพื่อทำหน้าที่ที่กลายเป็นกิจวัตรส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตไปเสียแล้วนั่นก็คือ การเดินไปส่งศาสตราจารย์ฮิเดะซะบุโระที่สถานีรถไฟชิบูย่าและนั่งรอเหมือนอย่างที่เคยทำในทุกๆ วัน แต่ทว่าในตอนเย็นของวันนั้นนายรักของฮาชิไม่ได้กลับไปที่สถานีรถไฟเช่นทุกวันอย่างที่เคยเป็นมาตลอดระยะเวลาปีกว่า...
.
เช้าวันนั้นเป็นวันที่ฮาชิและศาสตราจารย์ฮิเดะซะบุโระได้สบตาและโอบกอดอยู่ใกล้ชิดกัน ก่อนจะกล่าวคำร่ำลาและส่งยิ้มให้กันเช่นวันธรรมดา... ทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่าทั้งหมดนี้จะเป็นความทรงจำช่วงเวลาดีๆ ครั้งสุดท้าย...ก่อนที่จะจากกันไกลไม่มีวันหวนคืนมาพบกันได้อีกแล้ว...
.
ความจริงที่น่าเศร้าของวันนั้น...ศาสตราจารย์ฮิเดะซะบุโระมีอาการเลือดออกในสมองขณะที่กำลังทำหน้าที่อาจารย์บรรยายบทเรียนทางวิชาการให้กับนักศึกษาฟังอยู่หน้าชั้นเรียน ซึ่งในเวลาต่อมาอาการดังกล่าวเป็นสาเหตุให้ศาสตราจารย์ฮิเดะซะบุโระเสียชีวิตลง...ศาสตราจารย์ ไม่มีโอกาสได้นั่งรถไฟกลับไปที่บ้านอีกเลย... แต่ฮาชิกลับไม่เคยเข้าใจความจริงที่เกิดขึ้นในวันนั้น...เขายังคงรอคอยนายรักอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนแม้ว่าฤดูกาลจะแปรเปลี่ยนไป ต้องทนตากแดด ตากฝน นอนขดตัวอยู่ข้างถนนท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นจนหิมะตกปีแล้วปีเล่า ฮาชิก็ยังคงยืนยันที่จะเฝ้ารอ คอยมองดูผู้คนแปลกหน้าที่ผ่านไปมานับร้อย นับพันหวังให้หนึ่งในผู้คนเหล่านั้นเป็นนายรักของเขา มันไม่ง่ายเลยจริงๆ หัวใจของฮาชิยิ่งใหญ่และหนักแน่นเหลือเกิน...ถึงแม้ว่าฮาชิยังคาใจว่าทำไมนายรักไม่กลับมาสักที..แต่ทว่าจะอย่างไรก็ตามฮาชิพร้อมที่จะรอ..รอ...และรอหวังได้เห็นรอยยิ้มและได้รับสัมผัสที่อบอุ่นจากคนที่เขารักสุดหัวใจอีกสักครั้ง...
.
ไม่มีใครรู้ว่าความจริงแล้วฮาชิรับรู้และเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายรักของเขาหรือไม่ แต่สิ่งที่ทุกคนในชุมชนเห็นคือฮาชิยังคงตั้งตารอนายรักอยู่เช่นเดิมอย่างที่เคยเป็น แววตาของเขายังคงมีความหวังด้วยศรัทธาในรักของผู้เป็นนาย...ฮาชิแสดงอาการดีใจลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่ายหางด้วยท่าทีที่กระตือรือร้นทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหวูดดังมาจากขบวนรถไฟที่กำลังแล่นเข้ามาจอดที่สถานีในตอนเย็น...
.
ฮาชิมีความทรงจำฝังใจว่า..ครั้งใดที่สิ้นเสียงหวูดจากขบวนรถไฟในช่วงเย็นแล้ว เขาจะได้พบหน้ากับคนที่เขารักเดินลงมาจากทางประตูรถไฟ พร้อมกับรอยยิ้มและการทักทายด้วยสัมผัสที่อ่อนโยนทุกครั้งก่อนที่จะเดินกลับบ้านพร้อมๆ กัน แต่ทว่าหลังจากวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2468 เวลาผ่านไปนานรถไฟขบวนแล้วขบวนเล่าแล่นเข้ามาจอดที่สถานี เขากลับไม่พบนายรักที่รอคอยเดินลงมาจากขบวนรถไฟอีกเลย....
.
ดูเหมือนสิ่งที่ฮาชิพยายามทำมาตลอดนานหลายปีนั้นอาจจะหมายถึงการที่เขาไม่เคยเข้าใจเลยว่านายรักได้จากไปแล้วและจะไม่มีวันกลับมาพบหน้าเขาหรือมอบโอบกอดที่อบอุ่นปลอบใจให้อีกแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นไปได้มากว่าเสียงหวูดและขบวนรถไฟอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกได้ใกล้ชิดกับนายรักเสมือนว่ากำลังจะได้พบหน้ากันอีกครั้ง ซึ่งความรู้สึกดังกล่าวอาจจะเป็นกำลังใจที่หล่อเลี้ยงให้ฮาชิมีชีวิตอยู่ต่อก็เป็นได้นะ...
.
ไม่นานนักเรื่องราวของฮาชิก็ได้รับตีพิมพ์และถูกเผยแพร่ไปทั่วประเทศญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นประทับใจในความรักและความภักดีของฮาชิ พวกเขาจึงได้สร้างอนุสาวรีย์ให้กับฮาชิที่ด้านหน้าของสถานีรถไฟชิบูย่า นอกจากนั้นแล้วฮาชิยังกลายมาเป็นตัวอย่างของความภักดีในครอบครัวด้วย
.
ฮาชินั่งรออยู่ที่หน้าสถานีรถไฟชิบูย่านานกว่า 9 ปี 9 เดือน 15 วัน จนกระทั่งวันที่ 8 มีนาคม 2478 ฮาชิก็ไม่สามารถอดทนรอนายรักได้อีกต่อไป เขานอนป่วยหมดลมหายใจจากไปอย่างสงบบนถนนแคบๆ สายหนึ่งใกล้ๆ กับสถานีรถไฟชิบุย่า ฮาชิจากไปอย่างเงียบๆ เพียงลำพังขณะอายุได้ 11 ปี วันนั้นการรอคอยของเขาได้สิ้นสุดลง... แต่ทว่าหลังจากที่มีผู้คนไปพบร่างที่ไร้วิญญาณของฮาชิพวกเขาก็ช่วยดูแลและอุ้มร่างของฮาชิมานอนในสถานที่เหมาะสมและมีเกียรติ การจากไปของฮาชิทำให้ผู้คนในชุมชนต่างรู้สึกเศร้าใจ... ผู้คนไว้อาลัยให้กับฮาชิ...
.
หลังจากนั้นมหาวิทยาลัยโตเกียวได้นำร่างของฮาชิไปเก็บรักษาไว้จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2554 ร่างของฮาชิก็ถูกนำมาชันสูตรที่มหาวิทยาลัยโตเกียวเพื่อหาสาเหตุการตาย ซึ่งผลจากการตรวจพบว่า ฮาชิมีพยาธิที่ตับและหัวใจ รวมทั้งยังมีปัญหาที่ระบบทางเดินอาหารด้วย
.
ปัจจุบันร่างของฮาชิถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติญี่ปุ่น ป้ายอนุสรณ์ของฮาชิตั้งอยู่ในสุสานอาโอยามะ แขวงมินาโตะ กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับที่ฝังศพของศาสตราจารย์ฮิเดะซะบุโระ... หากฮาชิได้รับรู้เขาคงรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยสุดท้ายแล้วป้ายอนุสรณ์ของเขาก็ได้อยู่ใกล้ๆ กับคนที่เขารัก...
.

.

.

ฮาชิไปรอที่สถานีรถไฟทุกวันจนคนในชุมชนใกล้ๆ รู้จัก...
.

.

เรื่องราวของฮาชิถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ประเทศญี่ปุ่น
.

หลังจากเรื่องราวของฮาชิถูกตีพิมพ์ เขาก็ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมากขึ้น
.

ฮาชิเริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศญี่ปุ่น...
.

ผู้คนจะเดินทางมาที่สถานีรถไฟชิบูย่าเพื่อปลอบและให้กำลังใจฮาชิ หลายคนเอาขนมมาฝากเขาด้วย
.

หนึ่งในเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟถ่ายรูปคู่กับฮาชิ เจ้าหน้าที่รู้จักเขาดี...
.

ฮาชิคือแบบอย่างของความภักดี
.

.

ในปี พ.ศ. 2477 อนุสาวรีย์ที่ทำจากทองแดงสัมฤทธิ์ ถูกสร้างขึ้นเพื่อยกย่องฮาชิ
.

น่าเศร้าที่หลังจากนั้น 1 ปี ฮาชิก็จากไป
.

ขนของฮาชิถูกนำมาสตัฟฟ์และเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติญี่ปุ่น
.

อนุสาวรีย์และร่างสตัฟฟ์ของฮาชิในปัจจุบัน
.
ขอบคุณข้อมูลจาก Boredpanda, Wikipedia, The Momentum
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.