สัตว์เลี้ยงบางตัวต้องพบกับความโชคร้ายถูกนายรักทอดทิ้งด้วยเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผลและเห็นแก่ตัว เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ “เฟซโค่” (Fezco) น้องหมาสายพันธุ์ร็อตไวเลอร์ผสม หน้าตาน่ารักและเป็นมิตร จากรัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกาตัวนี้
.
.
เมื่อช่วงปลายเดือน มีนาคม พ.ศ 2565 ที่ผ่านมา เฟซโค่ถูกนายรักนำมาทิ้งไว้ที่ศูนย์พักพิงสัตว์ Stanly County Animal Protection Services หรือ SCAPS ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ด้วยเหตุผลว่า “เฟซโค่เป็นเกย์” พร้อมอธิบายว่าเฟซโค่มักจะกระโดดขึ้นคร่อมน้องหมาเพศผู้เสมอจนทำให้เชื่อว่าเฟซโค่เป็นเกย์ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่สามารถยอมรับได้จึงตัดสินใจพาเฟซโค่มามอบให้ศูนย์พักพิงสัตว์
.
.
ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงสัตว์ SCAPS จะพยายามอธิบายถึงพฤติกรรมการขึ้นคร่อมน้องหมาเพศผู้ด้วยกันว่า อาจจะเกิดขึ้นจากปัจจัยเรื่องความตื่นเต้น อยากสนุก ต้องการได้รับความสนใจ ข่มเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าเหนือกว่า วิตกกังวล หรือแม้กระทั่งการแสดงออกถึงความเครียด ซึ่งล้วนไม่ได้เกิดขึ้นจากแรงดึงดูดทางเพศเพียงอย่างเดียว แต่ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงยืนยันว่าไม่ต้องการเฟซโค่อยู่ดี
.
เจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิง SCAPS ได้ให้ข้อมูลว่าเฟซโค่เป็นน้องหมาที่น่ารัก อารมณ์ดีและเป็นมิตรมาก ร่างกายของเขาก็แข็งแรงดีไม่มีปัญหาสุขภาพอื่นใดให้กังวลใจเลย แต่ทว่ากลับถูกทอดทิ้งด้วยเหตุผลที่ไร้สาระ
.
เมื่อการอธิบายด้วยเหตุผลหวังเกลี้ยกล่อมให้เปลี่ยนใจไม่เป็นผล เจ้าหน้าที่จึงต้องรับเฟซโค่เข้ามาอยู่ในความดูแล ถึงแม้รู้ดีว่าการยินยอมจะทำให้เฟซโค่ต้องตกอยู่ในสถานะถูกทอดทิ้งก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่ก็เชื่อว่าน้องหมาที่น่ารักจะหาบ้านหลังใหม่ได้ไม่ยาก หลังจากนั้นเพียงหนึ่งวันเจ้าหน้าที่ก็ได้ตัดสินใจโพสต์เรื่องราวของเฟซโค่ลงบนหน้าเฟซบุ๊กแฟนเพจศูนย์พักพิงฯ โดยหวังว่าจะทำให้เฟซโค่ได้พบกับคนใจดีที่พร้อมรักและยินดีรับอุปการะเขาได้โดยไม่มีเงื่อนไข
.
.
เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ผู้ใช้งานจำนวนมากได้ให้ความสนใจร่วมแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ทั้งให้กำลังใจเฟซโค่ และกล่าวถึงการกระทำนายรักของเฟซโค่ในทำนองว่าไม่เข้าใจการทอดทิ้งน้องหมาด้วยเหตุผลที่ฟังดูไร้สาระ ขณะที่หลายคนสนใจที่จะรับอุปการะเฟซโค่ด้วย
.
ไม่กี่วันถัดมาเจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงฯ ก็ได้แจ้งข่าวดีบนหน้าเฟซบุ๊กแฟนเพจศูนย์พักพิงฯ อีกครั้งว่า เฟซโค่ได้พบกับครอบครัวคนใหม่ที่สามารถรักเขาได้โดยไม่มีเงื่อนไขแล้ว ซึ่งตอนนี้เขากำลังเตรียมตัวที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ในเร็ว ๆ นี้ด้วย
.
“เราอยากจะขอบคุณ Greater Charlotte SPCA ศูนย์พักพิงสัตว์พันธมิตรของเรามาก พวกเขาได้ช่วยเผยแพร่เรื่องราวของเฟซโค่ออกไป ซึ่งนั่นทำให้ในตอนนี้เขาได้มีบ้านหลังใหม่แล้ว”
เจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงสัตว์ SCAPS กล่าว
.
รายงานจากสำนักข่าว WCCB Charlotte ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่าเฟซโค่ถูกรับอุปการะโดย “สตีฟ นิโคล” (Steve Nichols) และ “จอนห์” (John) คู่รักของเขา
.
สตีฟ และ จอนห์
.
สตีฟและจอห์นกล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจรับอุปการะเฟซโค่ว่า ในอดีตพวกเขาต่างเคยถูกกีดกันทางเพศจากสังคมและครอบครัว ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ทราบเรื่องราวของเฟซโค่น้องหมาผู้น่าสงสารที่ต้องเผชิญกับฝันร้ายจากการถูกปฎิเสธอย่างไร้หัวใจโดยครอบครัวที่เขาได้มอบทั้งชีวิตให้ พวกเขาจึงไม่รีรอที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือด้วยความเห็นอกเห็นใจ
.
.
“เราต้องเผชิญกับเรื่องราวที่เลวร้ายจากการกีดกันเรื่องเพศในลักษณะเดียวกันกับที่เฟซโค่กำลังเผชิญอยู่ เราไม่อยากปล่อยให้เฟซโค่ต้องเผชิญปัญหาที่ยากลำบากนี้เพียงลำพัง เราสามารถช่วยได้และเราจะช่วยเขา แน่นอนว่ามันสมเหตุสมผลนะ หากน้องหมาที่เป็นเกย์จะถูกรับเลี้ยงโดยครอบครัวเกย์”
จอนห์กล่าว
.
.
“ออสการ์” เป็นชื่อใหม่ของเฟซโค่ สำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามชื่อนักกวีชายรักชายชื่อดังอย่าง “ออสการ์ ไวลด์” (Oscar Wilde) สตีฟและจอนห์รู้สึกตื่นเต้นมากที่ออสการ์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว พวกเขาสัญญาว่าจะไม่มีวันปล่อยให้ออสการ์ต้องพบเจอกับความบอบช้ำทางใจเช่นในอดีตอีก ต่อจากนี้ชีวิตของเขาจะมีแต่ความสุขและการยอมรับที่จริงใจ
ออสการ์ ไวลด์ นักกวีชายรักชายชื่อดัง
.
“ไม่ว่าจะมีรสนิยมทางเพศแบบใดเกิดขึ้นก็ตาม นั่นเป็นเพียงแค่จินตนาการของมนุษย์ แต่ในแง่ของข้อมูลแล้วยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันชัดเจน การเป็นเกย์โดยเฉพาะในอาณาจักรสัตว์นั้นหายากมาก”
“พอล วาซีย์” (Paul Vasey) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเลทบริดจ์ ประเทศแคนาดา กล่าวกับสำนักข่าว วอชิงตันโพสต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
.
ศาสตราจารย์ พอล วาซีย์
.
จากการศึกษาที่ผ่านมาพบพฤติกรรมการจับคู่เพศเดียวกันในสัตว์หลายชนิดเช่น ด้วง, แมลงวันผลไม้, ปลาบางชนิดและกิ้งก่า แต่สัตว์เหล่านี้ไม่ค่อยสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวและมีแนวโน้มมีความสัมพันธ์เพียงช่วงสั้น ๆ กับคู่ของพวกเขา
.
เพนกวินฮุมโบลด์ท เพศผู้สองตัว ในสวนสัตว์เมืองเคนท์ ทั้งสองได้ฟักไข่เพนกวินที่ถูกแม่ทิ้งด้วยกัน (รายงานจากสำนักข่าว BBC ประเทศอังกฤษ )
เพนกวินฮุมโบลด์ทเพศผู้จากสวนสัตว์เมืองเคนท์
.
นกอัลบาทรอสเพศเมียจำนวนมากก็พบว่ามีความสัมพันธ์กับนกเพศเมียตัวอื่น ๆ และมักจะเลี้ยงลูกด้วยกัน
นกอัลบาทรอส
.
โลมาเองก็เป็นหนึ่งในสัตว์ที่มีการร่วมเพศกับเพศเดียวกัน
.
แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือ ลิงแสมซึ่งเป็นญาติสนิทของมนุษย์ก็พบว่ามีแนวโน้มเป็นเลสเบี้ยน ขณะที่ชิมแปนซีโบโนโบก็มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเพศกันในทุกระดับ พวกเขามีการร่วมเพศกับเพศเดียวกัน บางครั้งก็อาจมีหลายตัวเข้ามาร่วมแจมด้วย (เซ็กส์หมู่) นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าอิสระทางเพศของชิมแปนซีโบโนโบอาจจะช่วยทำให้ความสัมพันธ์ทางสัมคมในฝูงดีขึ้น
ชิมแปนซีโบโนโบ
.
ขณะที่ "การรักร่วมเพศในมนุษย์" ไม่ได้หมายถึงพฤติกรรมทางเพศระหว่างคนที่มีเพศเดียวกันเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับ "แรงดึงดูดทางเพศ" และ "ความรัก" เป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับสัตว์ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีพฤติกรรมการร่วมเพศกับเพศเดียวกัน แต่ก็ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่า พวกเขามีแรงดึงดูดทางเพศและความรักต่อกันด้วยหรือไม่
.
ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่สนับสนุนมากพอเพื่อตอบคำถามว่าน้องหมาเป็นเกย์ได้หรือไม่ ด้วยความละเอียดอ่อนและซับซ้อนในการศึกษา เช่น การกำหนดพื้นฐานสำหรับสิ่งที่นับว่าเป็น "เกย์" ในอาณาจักรสัตว์ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะแยกแยะระหว่าง "สัตว์ที่ชอบเพศเดียวกัน" หรือเพียงแค่ "มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ" ไม่ใช่เรื่องแปลกหากมนุษย์ยังไม่เข้าใจในเรื่องนี้เพราะแม้แต่มนุษย์เองก็ยังไม่เข้าใจเรื่องเพศของตัวเองมากพอเช่นกัน
.
เห็นได้ชัดว่าเพียงเพราะสัตว์แสดง "พฤติกรรมรักร่วมเพศ" ไม่ได้หมายความว่าสัตว์เหล่านั้นเป็น "รักร่วมเพศ" เช่นเดียวกับมนุษย์หลายคนที่สามารถมีเพศสัมพันธุ์กับเพศตรงข้ามได้ แม้ว่าจริง ๆ แล้วส่วนตัวชอบเพศเดียวกัน "พฤติกรรม" และ "รสนิยมทางเพศ" เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน
.
อย่างไรก็ตามนักวิทยศาสตร์ได้พยายามให้ผู้คนตระหนักว่าไม่ควรนำพฤติกรรมของมนุษย์มาเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของสัตว์ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น พฤติกรรมของสัตว์หลายอย่างเป็นเพียงแค่การสื่อสาร (อวัจนภาษา) เพื่อแสดงถึงอำนาจ ความเครียด ความตื่นเต้นหรือแม้กระทั่งความไม่รู้ เป็นต้น ถึงแม้ในบางครั้งการสื่อสารดังกล่าวจะมีลักษณะร่วมเพศก็ตาม
.
"การกระโดดขึ้นคร่อมน้องหมาตัวอื่นของน้องหมานั้นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเพศซะทีเดียว พวกเขาอาจจะเล่นกัน ปลดปล่อยความเครียดหรือต้องการแสดงอำนาจที่เหนือกว่าอีกตัว อย่าลืมนะว่าน้องหมาเองก็ขึ้นคร่อมเฟอร์นิเจอร์และมนุษย์ด้วย"
องค์กรช่วยเหลือสัตว์ American Society for the Prevention of Cruelty to Animals (ASPCA) ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าว
.
"ไม่มีคำอธิบายชัดเพียงหนึ่งเดียวสำหรับการขึ้นคร่อมของน้องหมา การขึ้นคร่อมเป็นรูปแบบพฤติกรรมปกติของพวกเขา ดังนั้นอย่าปล่อยให้ความรู้สึกไม่สบายใจของมนุษย์มาขัดขวางน้องหมาได้แสดงออกในสิ่งที่พวกเขาเป็นตามธรรมชาติ หากมนุษย์ไม่ชอบก็เพียงแค่เบือนหน้าหนี แสร้งเป็นว่าไม่ได้เกิดขึ้น หรือทำให้เป็นเรื่องขำและอย่างที่ผมบอกปล่อยให้น้องหมาได้เป็น “หมา” ซะ สิ่งเดียวที่ผมมั่นใจคือน้องหมาขึ้นคร่อมเพราะพวกเขาทำได้"
"มาร์ค เบคอฟฟ์" ( Marc Bekoff ) ดุษฎีบัณฑิต ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านนิเวศวิทยาและชีววิทยาวิวัฒนาการ มหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ และผู้ก่อตั้งศูนย์จริยธรรมเพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีจริยธรรม กล่าวไว้ในบทความ "ทำไมน้องหมาถึงขึ้นคร่อม?"
.
ศาสตราจารย์ มาร์ค เบคอฟฟ์
.
น้องหมาไม่เคยรังเกียจหรือสนใจว่านายรักของพวกเขาจะเป็นคนดีหรือโจรร้าย ตัวท้วมหรือผอม ผิวดำหรือขาว แต่พวกเขาพร้อมรัก ซื่อสัตย์และยินดีที่จะมอบทั้งชีวิตให้กับนายรักจนกว่าลมหายใจสุดท้ายจะมาถึงโดยไม่มีเงื่อนไข ถึงแม้ในบางครั้งพวกเขาจะเคยถูกทำให้เจ็บปวดทั้งทางกายและใจโดยนายรักก็ตาม ดังนั้นความแตกต่าง ความชอบ หรือ การเป็นเกย์ ของน้องหมาจึงไม่ควรเป็นข้ออ้างให้บรรดานายรักที่หมดใจทอดทิ้งน้องหมาซึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัว
.
สำหรับด็อกคลิปแล้วการเป็นเกย์ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่เป็นความแตกต่างที่งดงาม หากวันหนึ่งวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าน้องหมาสามารถเป็นเกย์ได้ เรื่องนี้จะไม่เป็นประเด็นทำให้ด็อกคลิปรู้สึกรักน้องหมาน้อยลงแน่ ๆ พวกเขาจะเป็นน้องหมาที่รักของครอบครัวด็อกคลิปเหมือนเดิมและจะไม่มีวันเปลี่ยน
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.
