น้องหมาเป็นส่วนสำคัญที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของมนุษย์เรามานานแล้ว จากการศึกษาและวิจัยพบว่าน้องหมานั้นใกล้ชิดอยู่เคียงข้างมนุษย์เรามานานกว่า 10,000 ปีแล้ว หลักฐานที่ชัดเจนในเรื่องนี้ก็คือการค้นพบของนักโบราณคดีชื่อ “ไซมอน เดวิส” (Simon Davis) เมื่อปี 2519 ที่ประเทศอิสราเอล ไซม่อนได้ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์อายุกว่า 12,000 ปีที่กำลังขดตัวนอนอยู่และข้างๆ กันนั้นยังพบโครงกระดูกของน้องหมานอนอยู่ด้วย ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่บ่งบอกว่ามนุษย์และน้องหมาอยู่เคียงข้างกันและกันมาเป็นเวลานาน น้องหมาเองก็เป็นหนึ่งในเพื่อนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดของพวกเราด้วย
.
.
ปัจจุบันผู้คนนับล้านคงไม่สามารถจินตนาการถึงชีวิตที่ปราศจากน้องหมาได้ ข้อมูลจากการสำรวจของเว็บไซต์ Pawzy.co พบว่ากว่า 83% ของชาวแคนาดาจากกลุ่มตัวอย่าง 1,506 คน พวกเขาล้วนคิดว่าน้องหมาเป็นสมาชิกที่สำคัญส่วนหนึ่งในครอบครัวและยืนยันว่าการมีน้องหมาทำให้ครอบครัวของพวกเขาสมบูรณ์แบบขึ้น
.
นอกจากนั้นแล้วจาก การศึกษาของมหาวิทยาลัยยอร์กและมหาวิทยาลัยลินคอล์น ประเทศอังกฤษ พบว่าสัตว์เลี้ยงสามารถทำให้สุขภาพจิตของผู้เลี้ยงดีขึ้นและยังช่วยลดความเหงาได้ด้วย
.
โดยทีมนักวิจัยได้เก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศอังกฤษจำนวน 6,000 คนและ 90% ของกลุ่มตัวอย่างมีสัตว์เลี้ยงอยู่อย่างน้อยหนึ่งตัว คือแมว น้องหมา และปลาขนาดเล็ก ตามลำดับ ผลการศึกษาและวิจัยพบว่า 90% ของกลุ่มตัวอย่างสามารถรับมือกับความเครียดได้ดีและมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นด้วย นอกจากนั้นแล้วยังพบว่ากว่า 96% ของกลุ่มตัวอย่างที่มีสัตว์เลี้ยงบอกกว่าการเลี้ยงสัตว์ช่วยทำให้พวกเขากระฉับกระเฉงมากขึ้นด้วย
.
จากข้อมูลตัวอย่างที่ได้อธิบายมานี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอแว็กเนอร์ (The Ohio State University Wexner Medical Center) ในโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจจ้างน้องหมาที่น่ารักและเป็นมิตรสุดๆ เข้ามาเป็นพนักงานประจำที่โรงพยาบาลในตำแหน่งน้องหมานักบำบัดความเครียด
โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอแว็กเนอร์
.
หนุ่มน้อย “ไชโลห์” (Shiloh) น้องหมาสายพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ผู้น่ารักและแสนดี ขนสีขาว มีใบหน้าเปื้อนยิ้มและดวงตาแห่งความสุขตลอดเวลา เขาคือน้องหมาผู้ถูกว่าจ้างให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นพนักงานสี่ขาผู้บำบัดความเครียดให้กับทุกคนที่เขาเจอภายในโรงพยาบาล งานของเขาไม่มีอะไรยุ่งยากมากนักเพียงแค่ต้องเดินเที่ยวเตร่โปรยเสน่ห์ด้วยรอยยิ้มหวานๆ ไปเรื่อยๆ รอบโรงพยาบาล และหากได้เจอกับใครสักคนที่กำลังหน้างอ เครียดอยู่กับการทำงานละก็... เขาจะต้องเดินเข้าไปหาแล้วใช้ความน่ารักและสารพัดลูกอ้อนหว่านล้อมพยายามดึงความสนใจชวนให้ใครคนนั้นหยุดพักจากงานแล้วหันกลับมาเล่นกับเขาจนกว่าใครคนนั้นจะยิ้มหรือหัวเราะออกมา เท่านี้งานของเขาก็เสร็จแล้ว!
.
“โรงพยาบาลของฉันเพิ่งจะจ้างพนักงานใหม่ที่น่ารักสุดๆ เพื่อทำหน้าที่เดียวเท่านั้น นั่นก็คือการเดินไปรอบๆ โรงพยาบาลทักทายพนักงานคนอื่นๆ ในขณะที่พวกเขากำลังทำงานอยู่”
ชาริ ดันอะเวย์ (Shari Dunaway) แพทย์ประจำโรงพยาบาลกล่าว
.
ถึงป้ายจะบอกว่าอาสาสมัครแต่บอกเลยพี่ได้ค่าขนมนะ
.
แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่และพนักงานทุกคนต้องมีบัตรประจำตัว ไซโลห์ก็เช่นกัน แต่รูปที่ติดบัตรของเขาจะน่ารักน้อยกว่าตัวจริงอยู่หน่อยๆ นะ เพราะตอนถ่ายรูปติดบัตรเผลอจิกกล้องหนักไปนิดนึ่ง... หลังจากที่ได้ทำงานมาสองสามสัปดาห์ดูเหมือนว่าไซโลห์ก็ได้กลายเป็นพนักงานคนดังไปซะแล้ว เจ้าหน้าที่และพนักงานภายในโรงพยาบาลต่างพูดถึงเขา หลายคนเคยได้รับการบำบัดจากไซโลห์และหลายคนก็เป็นฝ่ายเดินเข้าไปทักทายโซโลห์เอง เพราะเขาทั้งน่ารักและเสน่ห์แรงเกินห้ามใจ
.
ไม่นานนักภาพและเรื่องน่ารักของไซโลห์ก็ได้ถูกเผยแพร่ลงบนทวิตเตอร์โดยบัญชีผู้ใช้งานชื่อ "Shari Dunaway, MD" เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 ภายหลังโพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ร่วมกดถูกใจบนโพสต์มาถึง 1.2 แสนครั้งและทวิตภาพและข้อความออกไปอีกกว่า 1.6 หมื่นครั้งเลยทีเดียว
.
ผู้ใช้งานออนไลน์ต่างชื่นชมแนวคิดของโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอแว็กเนอร์และบางส่วนเรียกร้องให้โรงพยาบาลใกล้บ้านของพวกเขานำแนวคิดนี้มาใช้ เร่งจ้างน้องหมามาเป็นนักบำบัดประจำโรงพยาบาลบ้าง
.
“มันดีต่อสุขภาพจิตของผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ น่าแปลกใจที่โรงพยาบาลหลายแห่งไม่มีตำแหน่งเหล่านี้ให้กับน้องหมา”
.
“ไม่ว่าเขาจะได้รับค่าจ้างเป็นอะไรก็ตาม แต่งานที่เขากำลังทำอยู่เป็นงานที่ยิ่งใหญ่มากๆ เลย”
ข้อความส่วนหนึ่งจากการร่วมแสดงความคิดเห็นบนทวิต
.
หลังจากที่โครงการนี้ดูจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า พวกเขากำลังจะจ้างน้องหมาเข้ามารับตำแหน่งนี้เพิ่มอีก!
.
เกร็ดความรู้เก็บมากฝาก
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยยอร์กและมหาวิทยาลัยลินคอล์น ประเทศอังกฤษ
.
หัวหน้าทีมวิจัย ดร.เอเลนา แรทส์เชน (Dr Elena Ratschen) จากภาควิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยยอร์กกล่าวว่า “ผลการศึกษาและวิจัยของเราแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพจิตของคนและสัตว์เลี้ยง คนที่มีสัตว์เลี้ยงสามารถจัดการอารมณ์และความเครียดได้ค่อนข้างดีกว่าคนทั่วไป”
.
ศาสตราจารย์ “เดเนียล มิลส์”(Daniel Mills) จาก School of Life Sciences แห่ง มหาวิทยาลัยลินคอล์น ผู้ร่วมทีมวิจัยกล่าวว่า “งานวิจัยระบุว่าการมีสัตว์เลี้ยงในบ้านช่วยให้คุณสามารถป้องกันความเครียดที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ในขณะเดียวกันผู้เป็นเจ้านายเองก็ต้องคอยหมั่นดูแลสัตว์เลี้ยงของตัวอย่างไม่ให้เกิดความเครียดด้วยเช่นกัน เนื่องจากงานวิจัยชิ้นอื่นๆ ของเราแสดงให้เห็นว่าหากสัตว์เลี้ยงเกิดความเครียดและได้รับการดูแลที่ไม่ดีอาจส่งผลเสียต่อทั้งเจ้านายและสัตว์เลี้ยง”
.
อ่านเอกสารงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่ Human-animal relationships and interactions during the Covid-19 lockdown phase in the UK: Investigating links with mental health and loneliness (plos.org)
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.
