“แคปเซล” (Kapsel) น้องหมาสายพันธุ์บีเกิ้ลผสม วัย 7 เดือนจากประเทศไอรแลนด์ เขาน่ารักนิสัยดีและว่านอนสอนง่ายเสมอมา ไม่เคยทำดื้อให้นายรักต้องปวดหัวเลยสักครั้ง แต่แล้ววันหนึ่งช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา แคปเซลกลับทำดื้อแอบย่องเงียบหนีออกจากบ้านไปผจญภัยในเมืองใหญ่ตามลำพัง เขากระโดดขึ้นรถไฟจากสถานีนิวบริดมุ่งหน้าสู่สถานีฮูสตันร่วมกับผู้โดยสารแปลกหน้าเต็มขบวน!
.

.
หลังจากกระโดดขึ้นไปบนรถไฟและได้ที่นั่งเหมาะ ๆ แล้ว แคปเซลก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากบรรดาเจ้าหน้าที่และผู้โดยสารบนรถไฟ นั่นคงจะเป็นเพราะความน่ารักและเป็นมิตรของเขา แคปเซลนั่งอยู่ในพื้นที่ของเขาอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวไม่ได้เดินเพ่นพ่านรบกวนผู้โดยสารคนอื่น ๆ แต่กลับเป็นผู้โดยสารเสียเองที่ไม่สามารถอดทนต่อความน่ารักของแคปเซลได้จนต้องเดินเข้าไปทักทายและหลายคนก็ได้ขอเซลฟี่กับเขาเป็นที่ระลึกด้วย
.

.
หนึ่งในผู้โดยสารที่ให้ความสนใจแคปเซลคือ “ไบรอัน ลอยด์” (Brian Lloyd) ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวท้องถิ่นในไอรแลนด์ เขาได้เดินเข้าไปถ่ายรูปแคปเซลเอาไว้หลังจากที่มั่นใจว่าน้องหมาหน้าตาน่ารักที่กำลังนั่งอยู่ลำพังด้วยอาการประหม่าและมีแววตาดูกังวลใจเป็นน้องหมาหลงทาง หลังจากนั้นไบรอันก็ได้นำภาพที่ถ่ายไว้โพสต์เผยแพร่ลงบนหน้ากระดานข่าวทวิตเตอร์ส่วนตัวพร้อมกับข้อความช่วยตามหานายรักของแคปเซลว่า...
.
“มีใครทำน้องหมาหายในนิวบริดบ้างไหม? น้องหมาตัวนี้กระโดดขึ้นรถไฟที่กำลังมุ่งหน้าไปสถานีฮูสตัน เมื่อประมาณ 10 นาทีที่แล้ว เขาเป็นมิตรและยอมให้ลูบสัมผัสตัวได้โดยไม่มีปัญหา เขามีปลอกคอด้วยแต่ไม่มีรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย”
.

.

.
หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที “แอนนา” (Anna) อาสาสมัครจากองค์การช่วยเหลือสัตว์ My Lovely Horse Rescue ที่ได้เห็นข้อความของไบรอันบนทวิตเตอร์ก็ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่รถไฟเพื่อขอรับแคปเซลมาดูแลต่อและเธอจะช่วยตามหานายรักของเขาต่อเอง...
.

.
โชคดีที่การตามหาไม่ได้ยากอย่างที่คิดเอาไว้ แอนนาได้พบกับนายรักของแคปเซลช่วงเย็นในวันเดียวกันและเธอมีชื่อว่า “แพทริเซีย” (Patricia)
.
ภายหลังแพทริเซียได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์เรื่องราววุ่น ๆ ที่เกิดขึ้นกับสำนักข่าวเมโทร ประเทศอังกฤษว่า ช่วงเช้าวันเกิดเหตุคุณแม่ของเธอซึ่งอายุค่อนข้างมากแล้วได้หิ้วขยะออกไปทิ้งนอกบ้าน ซึ่งในตอนนั้นเองที่ประตูหน้าบ้านถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ซึ่งตามปกติแล้วแคปเซลจะไม่วิ่งออกไปนอกบ้านหากไม่ได้รับอนุญาต แต่วันนั้นเขาทำในสิ่งที่เกินความคาดหมายของทุกคน แคปเซลแอบเดินย่องออกนอกบ้านผ่านประตูหน้าบ้านที่ถูดเปิดทิ้งเอาไว้ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นไปโดยไม่มีลังเลใจหันหลังกลับมามองเลย
.
อย่างไรก็ตามตอนนั้นคุณแม่ของแพทริเซียได้เห็นพฤติกรรมสุดแสบของแคปเซลในทุกช่วงวินาทีต่อหน้าต่อตา แต่ทว่าด้วยอายุที่มากและร่างกายที่ไม่ได้แข็งแรงทำให้เธอไม่สามารถวิ่งไล่ตามแล้วพาแคปเซลกลับบ้านได้ในเวลานั้น คุณแม่ของแพทริเซียทำได้เพียงแค่ตะโกนร้องให้เสียงดังที่สุดเพื่อบอกให้คนในบ้านรู้แล้วรีบวิ่งตามไปจับแคปเซลแทน แต่ทว่าแคปเซลวิ่งเร็วปานสายฟ้าช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีเขาก็หายตัวไปซะแล้ว
.
ช่วงเวลาเกิดเหตุแพทริเซียไม่ได้อยู่บ้านเธออยู่ที่ทำงานและยังไม่รู้ว่าแคปเซลแอบวิ่งหนีออกจากบ้านไป กระทั่งได้รับการติดต่อและแจ้งข่าวจากแอนนา ตอนที่ได้ยินว่าแคปเซลไม่ได้อยู่ที่บ้านแพทริเซียตกใจมาก แต่พอรู้ว่าเขาได้รับความช่วยเหลือและอยู่ในความดูแลของแอนนาเธอทั้งโล่งอกและดีใจ แพทริเซียขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือของทุก ๆ คนที่ทำให้แคปเซลได้กลับบ้านอีกครั้งอย่างปลอดภัย
.

.
อย่างไรก็ตามแรงกดดันที่ทำให้แคปเซลต้องวิ่งหนีออกจากบ้าน แพทริเซียสันนิษฐานว่าคงเป็นเพราะการทำหมันที่จะเกิดขึ้นกับเขาในช่วงเย็นของวันเกิดเหตุ แคปเซลคงรู้ชะตากรรมและไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักเลยต้องตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการทำในสิ่งที่ครอบครัวคาดไม่ถึงนั่นคือการหนีออกจากบ้าน ที่ผ่านมาแคปเซลแทบจะไม่เคยก้าวเท้าออกจากบ้านหากไม่ได้รับอนุญาต
.
แพทริเซียเล่าต่ออีกว่าก่อนหน้านี้ครอบครัวได้วางแผนจะทำหมันให้กับแคปเซลและได้ปรึกษาสัตวแพทย์กระทั่งได้วันนัดหมาย แต่แล้วทุกอย่างก็ผิดแผน! สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้การทำหมันถูกเลื่อนเวลาออกไปเพียงนิดหน่อย... แต่แผนที่วางไว้ก็จะยังคงดำเนินต่อไปเพราะการทำหมันมีข้อดีสารพัดกับตัวแคปเซลเอง แพทริเซียและครอบครัวอดคิดไม่ได้เลยจริง ๆ ว่าสาเหตุของเรื่องวุ่น ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเรื่องนี้!
.
“คือว่าช่วงเย็นของวันนั้นเขามีนัดทำหมันน่ะ ดังนั้นมันอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงหนีออกจากบ้าน แต่ไม่ต้องห่วงไป ตอนนี้เขาอยู่กับสัตวแพทย์แล้ว”
แพทริเซียกล่าวติดตลกบอกเป็นนัยว่าแคปเซลทำหมันแล้ว
.
แพทริเซียกล่าวว่าหลังจากนี้จะระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยการติดปลอกคอ GPS รวมถึงการฝังไมโครชิปบนตัวของแคปเซลด้วย ถ้าวันไหนที่แคปเซลรู้สึกงอนหนักขึ้นมาวางแผนหนีออกจากบ้านอีก ( ภาวนาว่าอย่าให้เกิดขึ้น ) ครอบครัวก็จะได้ตามตัวและพาเขากลับบ้านได้
.

.
แพทริเซียเล่าต่อว่าชื่อ "แคปเซล" มาจากภาษาโปแลนด์ที่แปลว่า “ฝาจีบ” ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอชอบเก็บสะสม แพทริเซียจึงนำชื่อดังกล่าวมาตั้งเป็นชื่อน้องหมาที่เธอรัก
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.