“อาร์เชอร์” (Archer) เป็นน้องหมา แต่ทว่าหลายคนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็น "มังกร" หรือ "ม้านิลมังกร" หากมองแบบผ่านๆ ซึ่งนั่นก็กลายเป็นอดีตไปแล้วล่ะ...
.
เมื่อเดือนมกราคม 2562 ที่ผ่านมา อาร์เชอร์น้องหมาจากเมืองเฮนส์ รัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสจากความร้อนของเปลวไฟที่เผาทำลายชั้นผิวหนังขณะที่บ้านของเขากำลังถูกไฟไหม้ ช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเดินทางมาถึงที่บ้านของอาร์เชอร์ พวกเขาพบว่าอาร์เชอร์กำลังยืนอยู่ในตัวบ้านท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกท่วม และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือบนตัวของอาร์เชอร์มีไฟกำลังลุกเผาร่างกายเขาอยู่ด้วย อาร์เชอร์ทรมานและตกอยู่ในอาการหวาดกลัวพยายามวิ่งหนีจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งเรื่อยๆ เพื่อพาตัวเองหนีห่างออกจากเปลวไฟที่กำลังจะแผดเผาตัวเขา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้ความพยายามเพื่อเข้าไปประชิดตัวตัวอาร์เชอร์แล้วจับเขาเอาไว้ แต่ทว่าเขาวิ่งเร็วมาก สุดท้ายก็วิ่งหนีหายออกจากบ้านไปในความมืดและควันไฟที่กำลังลอยตลบอบอวนไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่ตามหาเขาไม่เจอในคืนนั้น...
.
จนกระทั่งในเช้าของวันถัดมา...อาร์เชอร์ถูกพบขณะกำลังนอนอ่อนแรงบาดเจ็บอยู่บริเวณข้างทะเลสาบ โชคดีที่พลเมืองดีผ่านไปพบและเห็นสภาพที่ย่ำแย่น่าเวทนาของอาร์เชอร์จึงไม่รอช้ารีบนำตัวเขาไปพบสัตวแพทย์ในทันที แต่ทว่าเมื่ออาร์เชอร์ไปถึงที่คลินิกสัตว์สัตวแพทย์กลับไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้มากนักเพราะบาดแผลที่เกิดขึ้นสาหัสมาก อุปกรณ์ที่คลินิกมีก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้การรักษาเขาได้ อีกทั้งเมืองเฮนส์ก็เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ห่างไกลไม่มีสถานพยาบาลขนาดใหญ่สำหรับสัตว์ที่มีเครื่องมือทางการแพทย์มากพอ จึงทำให้อาร์เชอร์ยิ่งหมดหวัง... โอกาสรอดชีวิตของอาร์เชอร์กำลังเหลือน้อยลงจนริบหรี่ เขาทำได้เพียงแค่นอนอยู่นิ่งๆ จนกว่าจะหมดแรงต่อสู้จนกว่าลมหายใจสุดท้ายจะมาถึง...
.
หลังจากนั้นไม่นานเรื่องปาฏิหาริย์ก้เกิดขึ้นคล้ายสวรรค์ทรงเมตตาอาร์เชอร์ เมื่อ “ดร. มิเชลล์ โอ๊คลีย์” (Dr. Michelle Oakley) สัตวแพทย์ผู้ดำเนินรายการ “Nat Geo WILD” ทางช่องสารคดีชื่อดัง เนชั่นแนลจีโอกราฟิก (National Geographic) ผู้มีประสบการณ์ในการรักษาสัตว์ที่ถูกไฟไหม้ได้ทราบเรื่องของอาร์เชอร์ จึงได้ตัดสินใจติดต่อถึงผู้ปกครองของอาร์เชอร์เพื่อแสดงความประสงค์มอบความช่วยเหลือให้ เธอต้องการพาอาร์เชอร์ไปที่รัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อเข้ารับการรักษาต่อที่นั่น ซึ่งผู้ปกครองของอาร์เชอร์เต็มใจและยินดี... แต่ทว่ามีปัญหาใหญ่ตามมาเมื่อระยะทางระหว่างเมืองเฮนส์ รัฐอลาสก้า และ รัฐแคลิฟอร์เนีย อยู่ห่างกันมากกว่า 4,000 กิโลเมตร และอาการบาดเจ็บของอาร์เชอร์ก็ยังไม่ทรงตัวดีนัก จึงเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากหากจะเคลื่อนย้ายเขาในเวลานั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรอให้อาร์เชอร์อาการดีขึ้นกว่านี้ อาร์เชอร์จึงยังไม่สามารถไปพบ ดร.มิเชลล์ได้...
.
ระยะทางจากเมืองเฮนส์ ถึง แคลิฟอร์เนีย
.
แต่ทว่าการที่อาร์เชอร์ต้องนอนทนรอให้อาการดีขึ้นขณะที่ไม่ได้รับการเยียวยาอะไรมากนักอยู่ที่เมืองเฮนส์คงจะเป็นความคิดที่ไม่ดีแน่ๆ ดร.มิเชลล์ จึงแนะนำให้ผู้ปกครองของอาร์เชอร์พาตัวอาร์เชอร์เดินทางไปรักษาอาการเบื้องต้นที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมืองที่ใกล้ที่สุดในระหว่างนั้น... ถึงแม้จะใกล้ในความหมายของเธอแต่ก็ต้องใช้เวลาเดินทางมากถึง 7 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามนั่นเป็นทางเลือกเดียวที่ดีที่สุดเพราะที่ที่นั่นมีสัตวแพทย์ที่จะสามารถช่วยอาเชอร์ให้รอดตายได้ ผู้ปกครองของอาร์เชอร์ไม่ปฏิเสธความหวังดีและยินดีที่จะทำตามเพื่อให้อาร์เชอร์ได้รับการรักษาที่ดีในระหว่างนี้...
.
เมื่อเดินทางไปถึงสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ก็ให้การดูแลอาเชอร์เป็นอย่างดี จนกระทั่งอาการของอาร์เชอร์เริ่มทรงตัว สัตวแพทย์จึงอนุญาตให้อาร์เชอร์เดินทางได้อีกครั้ง ถึงแม้ว่าอาการโดยรวมจะดีขึ้นบ้างในระดับหนึ่งแล้ว แต่บาดแผลบริเวณลำตัวและโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าของอาร์เชอร์กลับยังคงสร้างความเจ็บปวดให้กับเขามากเช่นเดิม แต่ไม่ต้องห่วงเพราะนั่นคือหน้าที่ของ ดร.มิเชลล์ ที่จะทำให้อาร์เชอร์หายจากความทรมานที่เขากำลังเผชิญอยู่ เมื่อร่างกายของอาร์เชอร์พร้อมผู้ปกครองก็พาอาร์เชอร์ออกเดินทางไกลขับรถมุ่งหน้าไปพบกับ ดร.มิเชลล์
.
“เมื่อเขามาถึง เราก็จัดการเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาทันที เนื่องจากเราต้องการสถานที่ที่สะอาดและปลอดเชื้อจึงต้องทำในโรงพยาบาลสัตว์ของฉัน”
ดร.มิเชลล์กล่าว
.
.
เห็นได้ชัดว่าบาดแผลของอาร์เชอร์หนักและรุนแรงกว่าที่ ดร.มิเชลล์คาดการณ์เอาไว้มาก เธอจึงติดต่อไปยัง “ดร.เจมี่ เพย์ตัน” (Dr. Jamie Peyton) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเผาไหม้ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเพื่อขอคำแนะนำ
ดร.เจมี่ ขณะกำลังรักษาสัตว์ที่ถูกไฟไหม้บริเวณขา
.
ดร.เจมี่ แนะนำให้ ดร.มิเชลล์ ใช้วิธีการรักษาแผลไฟไหม้ในรูปแบบใหม่ นั่นก็คือการใช้หนังปลาในการรักษา โดยหนังปลาที่ใช้ต้องเป็นหนังของปลาในสกุล “ทิลาเพีย” (Tilapia) เป็นปลาที่พบได้ทั้งน้ำจืดและน้ำกร่อย คนไทยเราจะรู้จักกันในชื่อ “ปลานิล” ส่วนใหญ่แล้วหนังปลาชนิดนี้มักจะเป็นส่วนที่เหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตเนื้อปลาเพราะไม่ได้รับความนิยมนำมารับประทาน หนังปลาจะถูกนำมาแบ่งออกเป็นชิ้นๆ ขนาดเล็กใหญ่ตามการนำไปใช้งานเหมาะสมกับขนาดของบาดแผลผู้ป่วย หนังปลาจะถูกนำมาฆ่าเชื้อก่อนที่จะนำไปปิดไว้บริเวณแผลไฟไหม้
.
ผิวของปลานิลจะช่วยรักษาบาดแผลไฟไหม้ได้ดีเพราะมีความชุ่มชื้นและคอลลาเจนสูง สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ดีเทียบเท่ากับผิวหนังของมนุษย์ ช่วยร่นระยะเวลาการบำบัดและประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษา อีกทั้งยังช่วยทำให้การสูญเสียของเหลวลดน้อยลงและลดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยได้อีกด้วยเพราะไม่ต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลและทำความสะอาดอยู่บ่อยๆ ความวิเศษของหนังปลาอีกอย่างหนึ่งที่น่าทึ่งนั้นก็คือ ผู้ป่วยบางรายสามารถทิ้งหนังปลานิลไว้บนแผลกระทั่งแผลแห้งกลายเป็นแผลเป็นได้เลย
.
นอกจากให้คำแนะนำแล้ว ดร.เจมี่ยังเดินทางมาสอนวิธีการใช้หนังปลาเพื่อรักษาบาดแผลไฟไหม้ที่เกิดขึ้นกับอาร์เชอร์ที่โรงพยาบาลสัตว์ของ ดร.มิเชลล์ ด้วย
ดร.มิเชลล์ขณะวางหนังปลาลงบนแผลของอาร์เชอร์
.
.
หลังจากนั้นใบหน้าของอาร์เชอร์ก็ถูกปกคลุมไปด้วยหนังปลา ซึ่งนั่นทำให้เขาดูเหมือนกับมังกร จนได้รับชื่อเล่นใหม่ว่า “มังกรอาร์เชอร์”
.
“แผลของเขาดีขึ้นแทบจะในทันที”
ดร.มิเชลล์กล่าวถึงอาการของอาร์เชอร์หลังจากที่ได้รับการรักษาโดยใช้หนังปลา
.
แผลของอาร์เชอร์แห้งแล้ว
.
หลังจากที่อาร์เชอร์หายดีแล้ว...ดร.มิเชลล์ กลับไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับการรักษาเลย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก ในเวลาต่อมาเรื่องน่าประทับใจที่เกิดขึ้นนี้ได้ถูกเล่าต่อจนชาวเมืองเฮนส์ทราบ... พวกเขาทั้งสงสารอาร์เชอร์และขอบคุณ ดร.มิเชลล์ อีกทั้งยังได้ร่วมบริจาคเงินจำนวนหนึ่งมอบให้กับ ดร.มิเชลล์ ด้วยเพราะต้องการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์อื่นๆ เพิ่มเติมของอาร์เชอร์ไม่ว่าจะเป็นค่ายาต่างๆ ก่อนหน้านี้นับไม่ถ้วน และรวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการผ่าตัดด้วยเลเซอร์หลังจากนี้ด้วย
.
“ความรัก” และ “หนังปลา” ช่วยรักษาเปลี่ยนโฉมอาร์เชอร์จากน้องหมาไร้ขนและใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผลที่น่ากลัวสิ้นหวังนอนรอลมหายใจสุดท้ายให้กลายมาเป็นน้องหมาที่น่ารักและมีความสุขได้อีกครั้ง ในตอนนี้แผลบนใบหน้าของเขาหายดีแล้วเหลือเพียงขนบริเวณใบหน้าอีกนิดหน่อยที่ยังรอให้งอกกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
.
ดร.มิเชลล์บอกว่า อาร์เชอร์เป็นน้องหมาที่น่ารักและมีหัวใจของนักสู้มากๆ ถึงแม้ว่าเขาจะต้องอดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดจากพิษบาดแผลทั่วทั้งตัว แต่ทว่าทุกครั้งเมื่อเขาได้เห็นสัตวแพทย์เดินเข้ามาเพื่อตรวจร่างกาย...เขายังคงเข้าใจและส่ายหางไปมาด้วยความรู้สึกยินดีและดีใจทุกครั้ง ว่าทั้งหมดนี้สัตวแพทย์ได้ทุ่มเทเพื่อทำให้ความเจ็บปวดและบาดแผลบนตัวของเขานั้นหายไป นอกจากนั้น ดร.มิเชลล์ ยังขอบคุณอาร์เชอร์ที่ได้เป็นอาจารย์สอนให้เธอได้เรียนรู้วิธีรับมือกับบาดแผลที่เกิดจากการถูกไฟไหม้ด้วย ซึ่งองค์ความรู้ที่เธอได้รับมันจะสามารถช่วยเหลือน้องหมาและสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่โชคร้ายเหมือนกับเขาในอนาคตได้อีกด้วย
.
“ผู้ป่วยรายนี้จะช่วยให้ฉัน ช่วยชีวิตสัตว์อื่นๆ ได้อีกจำนวนมาก”
ดร.มิเชลล์กล่าว
.
.
ขอบคุณข้อมูลจาก People, The Sun, Family Pets, Wamiz
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.