“จู๊ด” (Jude) น้องหมาสายพันธุ์อเมริกันพิตบูลเทอเรียร์ถูกทอดทั้งตั้งแต่เขาอายุได้เพียงแค่ 6 สัปดาห์เท่านั้น เหตุผลหลักอาจเป็นเพราะว่าดวงตาทั้งสองข้างของเขามีปัญหา โชคดีที่ “นิโคล วูล์ฟคูเฮล” (Nicole Wulfekuhle) ผู้ก่อตั้ง Lennon’s Legacy Sanctuary บ้านสำหรับน้องหมาและสัตว์เลี้ยงที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ในเมืองเซนต์คลาวด์ รัฐมินนิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา อาสารับจู๊ดไปดูแล แต่น่าเศร้าที่ดวงตาของจู๊ดติดเชื้อจนไม่สามารถรักษาให้หายได้ สัตวแพทย์จึงต้องผ่าตัดนำดวงตาทั้งสองข้างของเขาออก

.
ชีวิตของจู๊ดโชคร้ายเกินกว่าที่หลายคนจะคาดถึง... เขาไม่มีโอกาสได้มองเห็นความสวยงามของโลกใบนี้ หรือแม้แต่ใบหน้าของคนจิตใจดีที่คอยช่วยดูแลเขามาตลอด นั่นเป็นเพราะดวงตาทั้งสองข้างของเขามืดบอดสนิท ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่มืดมิดไร้สีสันตั้งแต่อายุได้เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น นอกจากนั้นแล้วเขายังต้องเผชิญกับภาวะขาดสารอาหารและความทุกข์ทรมานสารพัดจากสภาพร่างกายที่ผิดปกติหลายอย่างตั้งแต่กำเนิด ไม่ว่าจะเป็นกระดูกสันหลังที่คดผิดรูป โรคภูมิแพ้และการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะเรื้อรัง ชีวิตของตจู๊ดเริ่มต้นด้วยคำว่าขาดและบกพร่อง กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ค่าในสายตาของนายรักจนต้องถูกทอดทิ้งในวันที่ยังไร้เดียงสาเกินกว่าจะดูแลตัวเองได้ด้วยซ้ำ
.
แต่ดูเหมือนว่าจู๊ดจะเป็นนักสู้! เขาอดทนและผ่านเรื่องร้ายๆ มาได้เสมอ นั่นคงเป็นเพราะกำลังใจและความรักจากคนใจดีที่คอยดูแลอยู่ข้างๆ เขา จู๊ดไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาและความพิการ ไม่เคยอนุญาตให้ความทุกข์ที่เกิดขึ้นบั่นทอนความสุขในทุกลมหายใจของเขาได้ง่ายๆ

.
"นิโคล" ผู้อุปการะหรือคุณแม่ของจู๊ดบอกว่า เธอรับจู๊ดมาอุปการะหลังจากที่ “เด็กซ์เตอร์” (Dexter) น้องหมาตาบอดที่เธอรับอุปการะเอาไว้ก่อนหน้านี้จากไปได้เพียง 1 เดือน เท่านั้น

เด็กซ์เตอร์
.
หลังจากที่เด็กซ์เตอร์จากไป นิโคลและครอบครัวต่างตกอยู่ในอาการซึมเศร้า เพราะเด็กซ์เตอร์เป็นน้องหมาที่ทุกคนในบ้านรัก... ทันทีที่จู๊ดได้ย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกสี่ขาตัวใหม่ของบ้าน เขาก็ได้พิสูจน์ว่าหัวใจที่แข็งแกร่ง ความน่ารักและแสนดีของเขาเป็นเสมือนยาวิเศษที่ออกฤทธิ์ทันที สามารถช่วยเยียวยาหัวใจที่เศร้าหมองของคนในบ้านให้กลับมาสดใสมีชีวิตชีวาได้อีกครั้งเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น จู๊ดเข้ามาเติมเต็มหัวใจในส่วนที่เคยหลุดหายไป... โดยเฉพาะสามีของนิโคลซึ่งเป็นผู้พิการ เขามีความสุขมากที่ได้ต้อนรับจู๊ดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบ้านหลังนี้และคอยอยู่ข้างๆ เขา
.
จู๊ดนอกจากจะเป็นยาวิเศษแล้ว เขายังเป็นเสมือนแบตเตอรี่ที่บรรจุพลังงานความสุขและกำลังใจมากมายเอาไว้ ทุกครั้งที่ใครบางคนกำลังสิ้นหวังและเจอเรื่องทุกข์ใจมา การได้เฝ้ามองจู๊ดหรือได้เล่นสนุกกับเขาแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ทำให้ผู้คนเหล่านั้นมีสติและได้รับกำลังใจ หรือแม้กระทั่งการปลอบโยนด้วยความเข้าอกเข้าใจด้วยเช่นกัน
.
รอยยิ้มและความสุขของจู๊ดนั้นมหัศจรรย์มาก มันทำให้ผู้คนตระหนักได้ว่า รอยยิ้มที่พวกเขากำลังได้เห็นอยู่เบื้องหน้า วันหนึ่งมันเคยผ่านช่วงเวลาที่ย่ำแย่แสนสาหัสในช่วงวัยเด็กมาแล้วนับไม่ถ้วน... จู๊ดน้องหมาตัวน้อยในวันนั้นเลือกที่จะสู้! ทำให้วันนี้เขายังมีชีวิตอยู่และได้พบกับสิ่งที่ล้ำค่านั่นคือชีวิตใหม่ที่ยอดเยี่ยมได้อยู่กับคนพิเศษที่พร้อมจะรักเขาได้จริงๆ
.
รอยยิ้มของจู๊ดมักจะทำให้ผู้คนตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า "ตัวเขาล่ะ จะเอาชนะปัญหาเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับจู๊ดไม่ได้เชียวเหรอ" แน่นอนผู้คนส่วนใหญ่ได้สติและมีกำลังใจในการเผชิญหน้ากับปัญหาได้อีกครั้ง

.
นอกจากดวงตาที่มืดบอดของจู๊ดแล้ว เขายังมีอีกหลายๆ อย่างที่เหมือนกับเด็กเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่ร่าเริงหรือความชอบส่วนตัวอย่างการวิ่งเล่นในสวนหลังบ้านเป็นต้น ซึ่งความคล้ายที่อยากจะอธิบายนี้ช่วยทำให้นิโคลและสมาชิกในบ้านคลายความคิดถึงเด็กซ์เตอร์ลงได้บ้าง
.
นอกจากจู๊ดจะเข้ากับทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดีแล้ว เขายังสนิทกับ “ออสการ์” (Oscar) สมาชิกแมวเหมียวหนึ่งเดียวในบ้านด้วย ก่อนหน้านี้ออสการ์เคยสนิทกับเด็กซ์เตอร์มากแต่ทว่าหลังที่เขาจากไป ออสการ์ก็ดูไม่มีความสุขเหมือนก่อนเลย ออสการ์ใช้เวลาแทบตลอดทั้งวันนอนอยู่บนเบาะมีอาการเหงาและซึมลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อได้พบกับจู๊ดเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ทั้งสองเริ่มทำความรู้จักกันด้วยการทำกิจกรรมหลายๆ อย่างร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการกิน นอนและวิ่งเล่น ในเวลาต่อมาพวกเขาก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน

เด็กซ์เตอร์และออสการ์
.

จู๊ดและออสการ์
.
จู๊ดรับหน้าที่เป็นน้องหมาที่คอยมอบรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับนายรักและเพื่อนสัตว์ เป้าหมายในชีวิตของจู๊ดนั้นค่อนข้างเรียบง่ายนั่นก็คือการได้ทำให้ผู้คนยิ้มและการได้หม่ำสตรอว์เบอร์รีของโปรดพร้อมๆ กันหลายๆ ลูก

.
ถึงแม้ว่าจู๊ดจะมองไม่เห็นแต่เขาสามารถเดินไปไหนมาได้ด้วยตัวเอง เขาใช้จมูกดมกลิ่นไปรอบๆ บ้าน เขารู้ว่าจะต้องเดินไปทางไหน ต้องเดินหลบหลีกสิ่งกีดขวางอย่างไรและตอนไหนด้วย

.
“เขารู้ว่าจะเดินไปรอบๆ บ้านได้อย่างไร เพียงแค่ก้มลงไปดมบนพื้นเขาก็สามารถรับรู้ได้ว่า ตอนนี้เขาอยู่ส่วนไหนของบ้านและเขารู้สึกได้เสมอเมื่อกำลังเดินเข้าใกล้สิ่งกีดขวาง เขามีจมูกที่น่าทึ่งมาก”
นิโคลกล่าว
.

.
น้องหมาตาบอดกลายมาเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวใหม่และเพื่อนมนุษย์อีกหลายพันคนที่ได้รับรู้เรื่องราวของเขา นิโคลสัญญากับจู๊ดตั้งแต่วันแรกที่รับเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้วว่า เขาจะได้รับความสำคัญเสมือนคนในครอบครัวและเธอจะดูแลเขาไปจนกว่าวันสุดท้ายของเขาจะมาถึง

.
“เขาเป็นความสุขและพลังยิ่งใหญ่ของครอบครัวเรา”
นิโคลกล่าว
.

.
ติดตามความน่ารักของจู๊ดและเพื่อนๆ ของเขาได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ Lennon’s Legacy Sanctuary

.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.