“ไมโล” (Milo) น้องหมาสายพันธุ์ค็อกกาพู เพศผู้ วัย 3 ปี อาศัยอยู่กับ “เบ็คกี้ แฮมเมอร์ตัน” (Becky Hammerton) ผู้ปกครองหรือคุณแม่ของเขาในเมืองเบิร์นเมาท์ ประเทศอังกฤษ ปกติแล้วไมโลเป็นน้องหมาที่แสนรู้และว่านอนสอนง่ายเชื่อฟังคุณแม่มาก แต่ทว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ไมโลกลับพยายามดื้อรั้นและเลือกที่จะไม่ปฎิบัติตามคำห้ามปรามของคุณแม่จนเป็นเหตุให้เกือบต้องเสียชีวิต แต่อย่างไรก็ตามจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดส่วนหนึ่งก็เกิดขึ้นจากความไม่รอบคอบของเบ็คกี้เอง... และเธอหวังว่าประสบการณ์เลวร้ายครั้งนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับบรรดานายรักได้รู้ป้องกันเพื่อความปลอดภัยของเหล่าน้องหมาและสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน!
.
.
ประสบการณ์เลวร้ายของไมโลและเบ็คกี้เกิดขึ้นในเช้าของวันหนึ่งช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา ขณะที่เบ็คกี้สังเกตเห็นไมโลกำลังคาบหน้ากากอนามัยเอาไว้ในปาก เธอจึงออกคำสั่งให้ไมโลรีบคายหน้ากากอนามัยทิ้ง แต่ด้วยที่ผ่านมาไมโลแสนดีเชื่อฟังมาตลอดจึงทำให้เบ็คกี้ชะล่าใจไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร นั่นทำให้ไมโลได้โอกาสขัดคำสั่งห้ามปรามของคุณแม่ก่อนจะรีบกลืนหน้ากากอนามัยที่คาบไว้ในปากลงท้องทันที!
.
.
เบ็คกี้รู้สึกตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอไม่รีรอรีบพาไมโลไปพบสัตวแพทย์ที่โรงพยาบาลสัตว์ PDSA ใกล้บ้านทันที ซึ่งในระหว่างที่กำลังเดินทางเบ็คกี้ก็พยายามหาคำตอบว่าทำไมโลจึงเลือกที่จะขัดคำสั่ง...ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอได้ผูกหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วไว้กับเศษกระดูกซึ่งเป็นไปได้มากว่ากลิ่นและเศษกระดูกทำให้ไมโลเลือกที่จะกลืนหน้ากากอนามัยลงท้องด้วยเข้าใจผิดคิดว่ากินได้
.
เมื่อถึงโรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์ “อาโอเฟ แคลนซี่” (Aoife Clancy) ก็รีบพาไมโลเข้าห้องตรวจและเอกซเรย์เพื่อหาตำแหน่งหน้ากากอนามัยในท้องไมโลทันที ก่อนที่สัตวแพทย์อาโอเฟนจะพบว่าหน้ากากอนามัยได้เคลื่อนลงไปอยู่ที่บริเวณกระเพาะอาหารของไมโลแล้ว คืนนั้นสัตวแพทย์จึงให้ไมโลนอนเฝ้าดูอาการที่โรงพยาบาลสัตว์และหวังว่าในเช้ารุ่งขึ้นไมโลอาจจะถ่ายอุจจาระออกมาพร้อมกับหน้ากากอนามัย
.
.
เรื่องกลับไม่ได้ง่ายอย่างที่สัตวแพทย์คาดหวังเอาไว้ ไมไลไม่ยอมถ่ายอุจจาระออกมาสัตวแพทย์อาโอเฟจึงต้องหาวิธีอื่น แต่ทว่าไม่ใช่การทำให้ไมโลอาเจียนออกมาแน่ ๆ เนื่องจากหน้ากากอนามัยมีส่วนประกอบของเส้นลวดอยู่ ขณะที่สัตวแพทย์อาโอเฟก็เริ่มกังวลใจกลัวว่าหากปล่อยไว้นานเส้นลวดจะเป็นอันตรายกับอวัยวะภายในของไมโลได้
.
“หากเราทำให้เขาอาเจียนออกมาเอง มันก็มีความเสี่ยงที่ลวดเส้นนั้นจะเจาะทะลุท้องหรือหลอดอาหารของเขาได้”
สัตวแพทย์อาโอเฟกล่าว
.
ด้วยข้อจำกัดทำให้เหลือวิธีเดียวเพื่อช่วยให้ไมโลปลอดภัย ซึ่งวิธีนั้นคือการผ่าตัด... หลังจากที่ได้รับความยินยอมจากเบ็คกี้สัตวแพทย์อาโอเฟก็เริ่มผ่าตัดเอาหน้ากากอนามัยออกจากท้องของไมโลทันที... โชคดีที่ประสบการณ์ของสัตแพทย์อาโอเฟช่วยให้การผ่าตัดสำเร็จผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หน้ากากอนามัยจึงถูกนำออกมาจากท้องของไมโลได้อย่างปลอดภัย
.
.
.
หลังจากนอนพักฟื้นหลังผ่าตัดหนึ่งคืน รุ่งเช้าของวันถัดมาสัตวแพทย์อาโอเฟก็ได้ตรวจร่างกายไมโลซ้ำอีกครั้งก่อนจะมั่นใจว่าไม่มีความผิดปกติหรือเรื่องให้ต้องกังวลใจ เขาจึงอนุญาตให้ไมโลกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน ปัจจุบันร่างกายของไมโลเกือบจะหายเป็นปกติแล้ว อีกไม่นานเขาจะกลับมาวิ่งเล่นซนได้เหมือนเดิม
.
เหตุการณ์ในครั้งนี้นับว่าเป็นอุทาหรณ์ให้กับเบ็คกี้และบรรดานายรักของเหล่าน้องหมาได้เป็นอย่างดีว่า... ควรหันมาใส่ใจและรอบคอบในการวางของใช้ส่วนตัวหรือทิ้งขยะที่อาจจะเป็นอันตรายกับน้องหมาให้เป็นที่เป็นทาง พ้นจากปากและความซุกซนของเหล่าน้องหมา ที่สำคัญขยะประเภทติดเชื้ออย่างหน้ากากอนามัยก็ควรคัดแยกและทิ้งให้ถูกวิธีด้วย
.
ถึงแม้เหล่าน้องหมาจะแสนรู้และน่ารักมาแค่ไหนต้องอย่าลืมนะครับว่าจากการวิจัยแสดงชัดว่าสมองของเหล่าน้องหมาพัฒนาได้สูงสุดเทียบเท่ากับเด็กอายุ 2 ขวบเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงซุกซน ไร้เดียงสาและต้องการการดูแลจากผู้ปกครองเสมอครับ หากชะล่าใจแบบเบ็คกี้ก็มีแต่จะทำให้ต้องเสียเงิน น้องหมาเจ็บตัวเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงกับการรักษาโดยใช่เหตุและถ้าโชคร้ายกว่าอาจจะต้องรู้สึกเสียใจหากเรื่องจบลงด้วยการสูญเสีย รู้แล้วป้องกันไว้ดีกว่านะครับผมมมม ^^
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.
